เคล็ดลับการท่องเที่ยวชมการแข่งขันฟุตบอลทีมโปรดแบบติดขอบสนามอย่างแฟนบอลพันธุ์แท้

การเดินทางไปชมการแข่งขันของสโมสรที่เราเฝ้าติดตามเชียร์ถึงขอบสนาม เป็นความใฝ่ฝันของแฟนบอลทุกคน ซึ่งการเดินทางในแต่ละครั้งจำต้องใช้ทั้งเวลาและเงินงบประมาณ จึงทำให้เหล่าแฟนบอลไม่สามารถเดินทางไปตามความฝันได้บ่อยนัก ดังนั้นการเดินทางแต่ละครั้งจึงต้องมีการวางแผนใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด และนี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้แฟนบอลพันธุ์แท้จัดโปรแกรมทัวร์เชียร์ทีมรักได้แบบถึงใจที่สุด

1. สมัครเป็นสมาชิกสโมสร (Official Membership) หากคุณมีแพลนเดินทางไปเชียร์ทีมโปรดอย่างแน่นอน การสมัครเป็นสมาชิกสโมสรจะช่วยให้การซื้อตั๋วของคุณเป็นเรื่องง่ายมาก เนื่องจากสมาชิกจะได้สิทธิซื้อตั๋วและจองที่นั่งล่วงหน้า แถมราคายังถูกกว่าการซื้อตั๋วผ่านเอเจนซี่หลายเท่าตัว อีกทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษจากสโมสรอีกมากมาย นอกจากนั้นสโมสรยังมีของที่ระลึกส่งมาให้ถึงบ้านอีกด้วย เรียกได้ว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

2. เลือกช่วงเวลาที่มีการแข่งขันกลางสัปดาห์ ปกติแล้วเกมการแข่งขันฟุตบอลลีกจะถูกจัดขึ้นในวันเสาร์หรืออาทิตย์ แต่ในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลถ้วยหรือฟุตบอลยุโรป จะทำให้มีการแข่งขันช่วงกลางสัปดาห์เพิ่มขึ้นมา ซึ่งหากเลือกช่วงเวลาในการเดินทางให้ดี คุณอาจได้มีโอกาสเชียร์ทีมรักชนิดติดขอบสนามมากกว่า 1 นัด

3. เลือกที่นั่งบริเวณมุมธง หากสามารถระบุที่นั่งได้ ที่นั่งบริเวณมุมธงเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากนี่คือตำแหน่งที่นักเตะผู้ทำประตูมักจะวิ่งมาดีใจบ่อยที่สุด ซึ่งหากทีมโปรดสามารถยิงประตูในเกมนั้นได้ คุณอาจได้ร่วมดีใจกับนักเตะอย่างใกล้ชิด

4. จองโปรแกรมทัวร์สนามและพิพิธภัณฑ์ล่วงหน้า ปัจจุบันทุกสโมสรจะจัดให้มีการทัวร์สนามและพิพิธภัณฑ์ในวันที่ไม่มีเกมการแข่งขันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นโปรแกรมที่แฟนบอลพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง โดยการซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้าจะทำให้ได้ราคาตั๋วที่ถูกกว่ามาซื้อที่หน้าทางเข้า แถมหากคุณเป็น Official Membership การจองทัวร์ล่วงหน้าจะทำให้คุณได้รับการทัวร์แบบ Exclusive อีกด้วย

5. ต้องหาเวลาเดินทางไปสนามซ้อมให้ได้ ในช่วงเตรียมความพร้อมก่อนเกมการแข่งขัน นักเตะจะต้องเดินทางมาฝึกซ้อมยังสนามซ้อม แม้ทางสโมสรจะไม่เปิดโอกาสให้แฟนบอลเข้ารับชมการฝึกซ้อม แต่การมาเฝ้ารอหน้าสนามซ้อมอาจทำให้คุณได้รับลายเซ็นจากมือนักเตะคนโปรดก็เป็นได้

6. เดินทางไปชมเกมการแข่งขันของทีมเยาวชน นักเตะชื่อดังระดับโลกทั้งคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และลิโอเนล เมสซี่ ล้วนเคยผ่านการลงเล่นให้กับทีมเยาวชนมาก่อน ดังนั้นการไปชมเกมการแข่งขันของทีมเยาวชนอาจทำให้คุณได้เจอนักเตะซูเปอร์สตาร์ในอนาคตก็เป็นได้ ซึ่งหากคุณเป็น Official Membership ก็จะได้สิทธิชมเกมการแข่งขันโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย

เพียงเท่านี้การเดินทางไปชมเกมการแข่งขันฟุตบอลยังต่างประเทศของคุณก็จะเต็มไปด้วยความทรงจำที่ไม่รู้ลืม และทำให้คุณไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังว่าได้พลาดกิจกรรมใดไป แม้นี่อาจเป็นครั้งเดียวของคุณก็ตาม

เครดิตภาพ: https://pbs.twimg.com/media/DbUj1tjXkAA1mUA.jpg

เที่ยวกรุงลอนดอนตามสไตล์แฟนบอล เยี่ยมชม 3 สนามใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก

ประเทศอังกฤษ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่คลั่งไคล้ฟุตบอลเป็นอย่างมาก เฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงลอนดอนเพียงเมืองเดียว ก็เต็มไปด้วยสโมสรฟุตบอลนับ 100 แห่งทั้งในระดับอาชีพและกึ่งอาชีพ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักจะพบเห็นสนามฟุตบอลโดยตลอด แต่สนามฟุตบอลที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและแฟนบอลทั่วโลกคงหนีไม่พ้นสนามของบรรดาสโมสรใหญ่แห่งกรุงลอนดอนอย่างเชลซี, อาร์เซน่อล และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งเราจะไปทำความรู้จักกับสนามเหย้าของทั้ง 3 สโมสรยักษ์ใหญ่กัน

สแตมฟอร์ด บริดจ์

สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นสนามเหย้าของทีมเชลซี สโมสรแรกของลอนดอนที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตัวสนามตั้งอยู่ในย่านฟูแล่ม เปิดใช้มาตั้งแต่ปี 1877 ปัจจุบันมีความจุผู้ชม 41,837 ที่นั่ง ซึ่งมีโครงการขยายความจุในอนาคตเป็น 63,000 ที่นั่งภายในปี 2023 โดยทางสโมสรเปิดให้เข้าเยี่ยมชมสนามและพิพิธภัณฑ์ได้ในราคา 19 ปอนด์สำหรับผู้ใหญ่ และราคา 13 ปอนด์ สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี

การเดินทางมายังสนามมีความสะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถเมล์และรถไฟใต้ดิน โดยมีป้ายรถเมล์ถึง 2 จุดบริเวณด้านหน้าสนามบนถนนฟูแล่ม ส่วนทางออกรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Fulham Broadway ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ขับรถยนต์ส่วนตัวเนื่องจากบริเวณรอบ ๆ สนามเป็นเขตห้ามจอดรถ

เอมิเรตส์ สเตเดียม

เอมิเรตส์ สเตเดียม เป็นสนามฟุตบอลประจำทีมอาร์เซน่อล สโมสรฟุตบอลอาชีพแห่งแรกของกรุงลอนดอน ตั้งอยู่ในย่านฮอลโลเวย์ทางตอนเหนือของลอนดอน เริ่มเปิดใช้งานเมื่อปี 2006 เพื่อทดแทนสนามเดิมอย่าง ไฮบิวรี่ ซึ่งทำให้สามารถรองรับแฟนบอลได้ถึง 60,704 ที่นั่ง โดยตั๋วเข้าชมสนามและพิพิธภัณฑ์สำหรับผู้ใหญ่มีราคา 25 ปอนด์ และเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีราคา 16 ปอนด์

การเดินทางมายังสนามที่สะดวกที่สุดคือใช้บริการรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน Piccadilly Line โดยลงที่สถานีอาร์เซน่อล ซึ่งเมื่อออกจากสถานีมาแล้วให้เดินเท้าต่ออีก 300 เมตรก็จะถึงสนาม

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม เป็นรังเหย้าแห่งใหม่ของสโมสรท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ที่สร้างขึ้นบนตำแหน่งของสนามดั่งเดิมอย่าง ไวต์ฮาร์ทเลน ด้วยมูลค่าการก่อสร้างกว่า 1,000 ล้านปอนด์ และเพิ่งทำการเปิดใช้อย่างเป็นทางการไปเมื่อปี 2019 โดยได้ชื่อว่าเป็นสนามฟุตบอลระดับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในกรุงลอนดอนด้วยความจุสูงสุด 62,303 ที่นั่ง ด้วยความใหม่ของสนามจึงทำให้ราคาเข้าชมสนามและพิพิธภัณฑ์สำหรับผู้ใหญ่มีราคาสูงถึง 30 ปอนด์ ในขณะที่เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีราคาเพียง 15 ปอนด์เท่านั้น

การเดินทางมายังสนามสามารถเลือกได้หลายช่องทางทั้งรถไฟใต้ดินสาย Victoria ลงที่สถานี Seven Sisters, รถชัตเตอร์บัส รวมไปถึงรถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากสนามอยู่ใกล้กับทางด่วน

โดยหากต้องการทัวร์สนามฟุตบอลและพิพิธภัณฑ์อย่างจุใจครบทุกที่ แฟนบอลสามารถเลือกซื้อบัตร London Pass เพียงบัตรเดียวก็สามารถเข้าชมได้ทั้งที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ และเอมิเรตส์ สเตเดียม น่าเสียดายที่ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ แต่ก็ชดเชยด้วยการทัวร์สนามเวมบลีย์แทน นอกจากนั้น London Pass ยังสามารถใช้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของกรุงลอนดอนได้กว่า 60 แห่งอีกด้วย

เครดิตภาพ: https://d2bq2usf2vwncx.cloudfront.net/Pictures/780xany/1/5/6/1817156_Emirates-Stadium-by-JPellgen.jpg

สัมผัสธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการพักผ่อนในช่วงวันหยุดด้วยการใกล้ชิดกับป่าไม้และขุนเขา ไม่ว่าจะเป็นสายถ่ายภาพหรือสายผจญภัย ต้องมี “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” เป็นหนึ่งในสถานที่โปรดในดวงใจอย่างแน่นอน เนื่องจากพื้นที่โดยรอบของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเต็มไปด้วยจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายให้เหล่านักท่องเที่ยวเลือกทำกิจกรรมได้ตามความสนใจของแต่ละคน

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ถือเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแก่งกระจาน, อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีเนื้อที่รวมทั้งหมดกว่า 1.8 ล้านไร่ ด้วยความกว้างใหญ่และความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ทำให้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ สัตว์ป่าน้อยใหญ่นานาชนิด อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญ จึงก่อให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งกระจายตัวอยู่ทั่วอุทยานแห่งชาตินี้

เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนดินที่ปิดล้อมหุบเขาจนเกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ถึง 45 ตารางกิโลเมตร มีเกาะกลางน้ำหลายแห่ง รวมไปถึงมีสะพานแขวนเชื่อมระหว่างเกาะ ซึ่งนับเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม เนื่องจากถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” นั้นเอง นอกจากนี้ทะเลสาบแห่งนี้ยังสามารถพายเรือคายัคเพื่อชมทัศนียภาพ หรือพายเรือตกปลาได้อีกด้วย

เขาพะเนินทุ่ง จุดชมวิวที่สามารถชมทะเลหมอกยามเช้าได้ตลอดทั้งปี ไม่เว้นแม้แต่ช่วงหน้าร้อน เนื่องจากเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย ด้วยความสูงถึง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ด้วยเส้นทางขึ้นเขาที่ค่อนข้างแคบ จึงมีการกำหนดช่วงเวลาขึ้น-ลง และต้องขอใบอนุญาตผ่านทางจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเสียก่อน ทำให้นักท่องเที่ยวต้องวางแผนการเดินทางให้ดี

น้ำตกทอทิพย์ น้ำตกยอดนิยมที่อยู่ห่างจากเขาพะเนินทุ่งไม่มากนัก มีความสูงทั้งสิ้น 9 ชั้น ซึ่งชั้นที่ 5 ได้รับการยกย่องว่าเป็นชั้นที่สวยที่สุด จึงกลายเป็นชั้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเช่นกัน โดยการจะเข้าไปถึงตัวน้ำตกได้นั้นต้องจอดรถไว้และใช้การเดินเท้าเข้าไปในป่าอีกประมาณ 4 กิโลเมตร

จุดชมผีเสื้อแคมป์บ้านกร่าง เนื่องจากบริเวณแคมป์บ้านกร่างมีโป่งดินตามลำธารอยู่มากมาย ทำให้ในช่วงหน้าร้อนของทุกปี ที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งรวมตัวของผีเสื้อนับพันตัวกว่า 200 สายพันธุ์ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมผีเสื้อคือระหว่าง 10.00 – 14.00 น. นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ได้ศึกษาทั้งป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง รวมไปถึงสัตว์ป่านานาชนิด

ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ทำให้การท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานสามารถทำได้ทั้งแบบ One Day Trip และแบบค้างคืน ซึ่งสามารถเลือกได้อีกว่าจะค้างคืนแนวผจญภัยด้วยการกางเต็นท์ หรือเน้นความสะดวกสบายด้วยที่พักที่มีให้เลือกหลายระดับ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่มจริง ๆ

เครดิตภาพ: https://thailandtourismdirectory.go.th/th/file/get/file/201805155d7b9adcbe1c629ec722529dd12e5129162258.jpg

พักผ่อนและสัมผัสวิถีเกษตรแบบฉบับญี่ปุ่นที่ “Coro Field” สวนผึ้ง

หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวสายเขียวที่รักการพักผ่อนไปพร้อมกับการชื่นชมธรรมชาติ คุณจะต้องหลงรัก “Coro Field” เพราะฟาร์มแห่งนี้เต็มไปด้วยกิจกรรมที่จะนำคุณไปใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทั้งการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การอนุรักษ์ รวมไปถึงได้ลิ้มรสชาติของผลผลิตทางการเกษตรที่สดใหม่อย่างอร่อย เรียกได้ว่าเที่ยวที่เดียวครบทั้งเพลินตาและอิ่มสบายท้องกันเลย

Coro Field เป็นฟาร์มเกษตรสไตล์ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อในเรื่องการปลูก โทมิเมล่อน เมล่อนสายพันธ์พิเศษจากเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเปิดให้ท่องเที่ยวแบบ Lifestyle Farming โดยพื้นที่ฟาร์มกว่า 100 ไร่ ถูกแบ่งเป็นโซนกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย

Coro House เป็นโรงเรือนกรีนเฮาส์ขนาดใหญ่ที่เพาะปลูกโทมิเมล่อนและมะเขือเทศเชอร์รี่ฮอลแลนด์ โดยนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการควบคุมแสงแดด ความชื้น และการรดน้ำด้วยน้ำแร่ ซึ่งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนมกราคมจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมและเก็บเกี่ยวผลโทมิเมล่อนด้วยตัวเองอีกด้วย

Coro Garden เป็นแปลงเกษตรสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำกิจกรรมปลูกและเก็บเกี่ยว เริ่มจากการปลูกผักปลอดสารพิษด้วยอุปกรณ์ขนาดจิ๋วตั้งแต่การขุดหลุม นำผักลงหลุม และยังมีการตั้งชื่อให้ผักที่ปลูกเองด้วย โดยผักเหล่านี้เมื่อโตจนสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ทางฟาร์มจะนำไปแบ่งปันให้กับชุมชน ทั้งวัด โรงเรียน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือคนยากไร้ นับเป็นการปลูกผักที่ได้บุญไปในตัว ในส่วนของการเก็บเกี่ยวนั้น นักท่องเที่ยวจะได้เก็บเกี่ยวมะเขือเทศเชอร์รี่ฮอลแลนด์กลับบ้านด้วยมือตัวเองใส่ชะลอมจุกขนาดเล็กที่ทางฟาร์มเตรียมไว้ให้ นอกจากนั้นยังมีพืชผักผลไม้ประเภทอื่นที่ทางฟาร์มปลูกไว้ให้ชม อาทิเช่น มันม่วงญี่ปุ่น, ฟักทองญี่ปุ่น และแตงโมญี่ปุ่น

Coro G.I.Y. (Grow It Yourself) เป็นการจัดสวนในขวดแก้วขนาดเล็ก โดยให้นักท่องเที่ยวปลูกต้นไม้จิ๋วจำพวกต้นกระบองเพชร จำนวน 1 ต้นในขวดแก้ว โดยตกแต่งด้วยหินสีตามใจชอบ นอกจากนั้นยังมีการทำเวิร์กช็อปจัดช่อดอกไม้แห้งทำเป็นโปสการ์ด, ดินสอ และสมุดโน้ต เพื่อนำกลับไปใช้เองหรือมอบเป็นของขวัญให้คนที่คุณรัก

หลังจากทำกิจกรรมจนเหนื่อย ก็ถึงเวลาเติมพลังให้ร่างกายที่ Coro Cafe ร้านคาเฟ่แอนด์บิสโทรในรูปแบบ Japanese Fusion Food ที่นำผักและผลไม้จากฟาร์มมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหาร โดยมีเมนูให้เลือกทั้งเครื่องดื่ม, อาหารทานเล่น, อาหารจานหลัก และขนมของหวานมากมาย ซึ่งคุณต้องไม่พลาดเมนูที่ทำจากโทมิเมล่อนที่รังสรรค์พร้อมเสิร์ฟทั้งเครื่องดื่มและของหวาน นอกจากนั้นหากคุณชื่นชอบความสดอร่อยของพืชผักผลไม้ที่ผสมผสานอยู่ในเมนูทั้งคาวหวาน ก็สามารถเลือกซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่ปลูกจากไร่ Coro Field ก่อนกลับบ้านได้ที่โซน Coro Market โดยมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกทั้งโทมิเมล่อน, มะเขือเทศเชอร์รี่ฮอลแลนด์, มันม่วงญี่ปุ่น และผักสลัด รวมไปถึงผลผลิตแปรรูปอย่างเช่น ผลไม้อบแห้ง, แยมผลไม้ และน้ำสลัดแบบต่าง ๆ

Coro Field เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9 โมง โดยวันธรรมดาจะเปิดถึงเวลา 5 โมงเย็น ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดถึงเวลา 1 ทุ่มตรง โดยฟาร์มอยู่ติดถนนหลวงหมายเลข 3208 ราชบุรี-ผาปก ซึ่งหน้าทางเข้ามีโคโรคุง มาสคอตสวมชุดฟางยืนรอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน

กรีฑาสถานแห่งชาติ สถานที่จัดแข่งขันโอลิมปิกปี 2020

ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะทำให้งานแข่งขันกีฬาที่ดังระดับโลกอย่างโอลิมปิก ปี 2020 เป็นอันต้องเลื่อนออกไปจากเดิมในระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม ถึงวันที่ 9 สิงหาคม ปี 2563 เป็นในระหว่างวันที่ 23กรกฎาคม ถึงวันที่ 8 สิงหาคม ปี 2564 ซึ่งในการเลื่อนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ร้อยปีนับแต่มีสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่อย่างไรก็ตามแฟน ๆ จำนวนไม่น้อยก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอคอยการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกันอย่างล้นหลาม ยิ่งในปีนี้ประเทศญี่ปุ่นได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซึ่งสถานที่จัดการแข่งขันอย่าง กรีฑาสถานแห่งชาติ ก็ยังตั้งอยู่ในแขวงชินจูกุประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่า ใครก็ตามที่วางแผนเก็บกระเป๋าบินตรงสู่แดนอาทิตย์อุทัย จะต้องเตรียมพร้อมทั้งแรงเชียร์และแรงเงิน เพราะนอกจากจะได้ชมกีฬากันอย่างจุใจอาจจะได้ช้อปกระจายกันอย่างจุกอกอีกด้วย

ความใหญ่โตสมเป็นเจ้าภาพงานของ กรีฑาสถานแห่งชาติ

กรีฑาสถานแห่งชาติ ถือเป็นสนามกีฬาแห่งชาติใหม่ของประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่ถูกรื้อและปรับปรุงในปี 2558 โดยสนามกีฬาแห่งนี้ได้ทำการเปิดใช้สนามกันอย่างจริงจังในวันที่ 21 ธันวาคม ปี 2562 ตั้งอยู่ที่ชานเมืองในแขวงชินจูจุ ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านชื่อดังในประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี

โดยสนามกีฬาแห่งนี้สามารถจุคนได้ถึง 68,000 คน และตัวอัฒจันทร์ที่รับชมกีฬามีด้วยกันทั้งหมดถึง 3 ชั้น ซึ่งหากนับรวมชั้นใต้ดินอีก 2 ชั้นจะทำให้มีทั้งหมดด้วยกัน 5 ชั้น โดยเก้าอี้จะมีความสูงที่สามารถทำให้ผู้รับชมข้างบนที่แม้จะมีคนยืนบังอยู่ข้างหน้าก็ยังสามารถมองเห็นการแข่งขันได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ชั้นแรกของอัฒจันทร์เชียร์กีฬายังถูกออกแบบมาเพื่อให้บุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวรับชมการแข่งขันอย่างสะดวกสบายอีกด้วย โดยในกรีฑาสถานแห่งชาตินี้จะถูกนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาประเภทฟุตบอลและกรีฑา รวมถึงพิธีการเปิดและพิธีปิดการแข่งขันเป็นหลัก

สำหรับวิธีการจองตั๋วเพื่อเข้าชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2020 นั้น นอกจากจะมีการซื้อตั๋วกันภายในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ชาวต่างชาติ ยังคงสามารถซื้อตั๋วผ่านทางออนไลน์ได้ด้วยสำหรับประเทศไทยนั้นหากต้องการซื้อตั๋วออนไลน์สามารถเข้าไปในเว็บไซต์ jbtthailand.com ได้เลย และหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามไปทางเว็บไซต์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาเพื่อจะทำให้การเดินทางราบรื่นยิ่งขึ้น

ส่วนใครก็ตามที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กับกรีฑาสถานแห่งชาตินี้ ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่แวดล้อมโดยรอบสนามกีฬานั้น จะมีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอย่างสวนชินจูกุเกียวเง็น และยังคงเต็มไปด้วยย่านสินค้าและร้านแบรนด์เนมให้สายช้อปได้เพลิดเพลินไปกับสินค้าคุณภาพชื่อดังอีกหลากหลายชนิดแบบ ที่เรียกได้ว่าจ่ายกันไม่หวาดไม่ไหวกันกันเลยทีเดียว

สถานการณ์โควิด-19 กับผลกระทบที่มีต่องานโอลิมปิก

ถึงแม้ว่าการแข่งขันโอลิมปิกจะต้องถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าการแข่งขันจะถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ดังนั้นแล้วแฟนกีฬาไม่ต้องเศร้าเสียใจไป เพราะอย่างไรก็ตามเมื่อมีกำหนดการแข่งขันที่แน่ชัดออกมาแล้ว ในปีหน้าเราคงได้เห็นบรรยากาศความครึ้กครื้นสนุกสนานกลับมาอีกครั้งกับมหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแน่นอน

แพทสเตเดี้ยม ฉบับปรับปรุงใหม่ พร้อมลุย AFC แชมเปี้ยนลีก

สโมรสรการท่าเรือเป็นสโมสรเก่าแก่ที่อยู่คู่วงการฟุตบอลไทยมานานหลายปี เป็นสโมสรที่มีชื่อเสียงในเรื่องความเหนียวแน่นของกองเชียร์ ว่ากันว่าแฟนบอลท่าเรือขึ้นชื่อในเรื่องความโหดดิบเถื่อน (ในเรื่องการเชียร์) เป็นอันดับต้น ๆ ในลีก เพราะตั้งอยู่ในเขตท่าเรือคลองเตยที่มีชุมชนอยู่กันอย่างหนาแน่น ทำให้แฟน ๆ ของท่าเรือได้อยู่กับทีมมานานรุ่นต่อรุ่น แม้จะห่างหายจากตำแหน่งแชมป์มาหลายปี แต่สโมรสรการท่าเรือก็มีชื่อเข้าชิงแชมป์ลีกทุกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อ มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ เข้ามาบริหาร ความสำเร็จก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ

สนามเล็กและแออัดจะขยับขยายอย่างไร

                ทุกท่านคงได้เห็นผลงานของสิงห์ท่าเรือจากการอัพเดตของ VWIN ตลอดฤดูกาล 2018 – 2019 และบทสรุปคือสโมสรการท่าเรือทำอันดับในลีกจบที่อันดับสองในฤดูกาล 2018 – 2019 ก็ถึงคราวที่ทีมจะต้องเข้าไปลุยในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนลึก ถึงแม้จะเป็นรอบคัดเลือกรอบสองยังไม่สามารถเข้ารอบแบ่งกลุ่มอัตโนมัติ และอาจจะเป็นการแข่งขันเพียงนัดเดียวหากแพ้ขึ้นมา นโยบายของมาดามแป้งก็ไม่อยากที่จะทำลวก ๆ ด้วยการย้ายไปแข่งที่สนามอื่นตามกฎของเอเอฟซี ที่สนามที่ใช้แข่งจะต้องผ่านมาตรฐานเอเอฟซี คลับไลเซนซิ่ง ซึ่งทุกที่นั่งในสนามต้องมีเก้าอี้ และมีห้องต่าง ๆ ตามกฎ ซึ่งหากมาดามแป้งจะย้ายไปใช้สนามอื่นก็คงไม่มีใครว่าอะไรเพราะอาจจะเป็นบอลแค่นัดเดียว แต่เพื่อสร้างมาตรฐานและเป็นการเอาใจแฟนบอลชาวท่าเรือ มาดามจึงตัดสินใจปรับปรุงสนามให้ทันกำหนดของเอเอฟซี

                สนามจึงมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ทั้งติดตั้งเก้าอี้รอบสนาม ปูหญ้าใหม่ และสร้างห้องพักนักกีฬาและห้องพักผู้ตัดสิน รวมถึงทีมงานของเอเอฟซี มาดามก็จัดให้เสร็จทันเวลา ทำให้เมืองไทยมีสนามที่ได้มาตรฐานเอเอฟซีเพิ่มอีกหนึ่งสนาม

                เคยมีการถามว่าทำไมมาดามถึงไม่คิดย้ายไปสร้างสนามใหม่ เพราะสนามแพทสเตเดี้ยมมีขนาดเล็กด้วยความที่ตั้งอยู่ในเขตการท่า ทำให้มีพื้นที่ในการขยับขยายน้อยมาก กลายเป็นสนามที่เล็กที่สุดสนามหนึ่งในเมืองไทย แต่ข้อดีของสนามแพทสเตเดี้ยมที่ถึงแม้จะเล็กขยับขยายยาก แต่ความใกล้กันของแฟนบอลกับขอบสนาม ทำให้แม้จะมีผู้ชมในสนามน้อยแต่ก็ทำให้คนดูเต็มสนาม เสียงเชียร์และเสียงโห่ดังและกดดันทีมเยือนได้มาก นี่จึงเป็นข้อดีของสนามแพทสเตเดี้ยมที่หาที่อื่นมาเทียบเคียงได้ยาก

การลงทุนที่คุ้มค่า

                แม้จะมีเสียงค่อนขอดว่าการลงทุนปรับปรุงสนามครั้งนี้จะสูญเปล่า แต่หากมองดูดีดี นอกจากเราจะมีสนามที่มีคลับไลเซนซิ่งเพิ่มขึ้นแล้ว สำหรับทีมการท่าเรือเองอาจจะได้เปรียบเสียงเชียร์ในการแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนลีก ไม่แน่ว่าเสียงเชียร์อันดุดันจะข่มขวัญคู่แข่งจากทั่วเอเชียจนนำความสำเร็จในระดับเอเชียร์มาสู่ถิ่นคลองเตยก็ได้

เรื่องน่ารู้ ก่อนเดินทางไปไปดูซีเกมส์

มหกรรมการแข่งขันกีฬาของ 11 ชาติสมาชิกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือซีเกมส์ กำลังจะเวียนมาบรรจบอีกครั้งในปลายเดือนพฤศจิกายน 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ แน่นอนว่ากองเชียร์กีฬาชาวไทยหลายคนเริ่มเตรียมตัวกันแล้ว เพราะนี่คือมหกรรมกีฬาอีกหนึ่งรายการที่ชาวไทยเราไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ส่วนคนที่กำลังชั่งใจอยู่ เราก็มีข้อมูลสำหรับซีเกมส์ครั้งที่ 30 ในดินแดนตากาล็อกมาช่วยในการตัดสินใจ ไม่แน่ถ้าได้ทราบข้อมูลเหล่านี้หลายคนอาจจะต้องเตรียมเก็บกระเป๋าเพื่อตามไปเชียร์ทัพนักกีฬาไทยกับเขาบ้างเลยทีเดียว

สำหรับแฟนกีฬาที่สะสมวันลาไว้อย่าได้ลังเล นำออกมาใช้ช่วงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์นี่แหละเหมาะสุด ๆ เลยทีเดียวเพราะจะได้ชมกีฬา ท่องเที่ยว เก็บเกี่ยวความสุขความประทับใจแบบไม่ต้องเร่งรีบนัก ที่สำคัญซีเกมส์หนนี้ครอบครัวใหญ่สามารถพาลูก ๆ หรือญาติผู้ใหญ่ไปชมกีฬาด้วยกันได้สบาย ๆ เพราะเจ้าภาพจัดเต็มแบบไม่หวงอัดแน่นด้วย 56 ชนิดกีฬา มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลากหลายชนิดกีฬาถูกบรรจุเข้ามาใหม่ในซีเกมส์หนนี้ เมื่อรวมกับประเภทกีฬาที่มีแต่เดิมจึงทำให้เหมาะกับรสนิยมของคนทุกช่วงวัย ผู้ปกครองสามารถพาเด็ก ๆ ไปชมการแข่งขัน E-sport และกีฬาเอ็กซ์ตรีมได้ ในขณะเดียวกันกีฬาขวัญใจผู้สูงอายุอย่าง เปตอง, บิลเลียด, โบว์ลิ่ง, หมากรุก, ลีลาศ ก็น่าพาญาติผู้ใหญ่ไปดูใช่ย่อย ในส่วนของกีฬาหลัก ๆ ที่ชมกันได้ทั้งครอบครัวอย่างฟุตบอล กรีฑา ว่ายน้ำ ฯลฯ ก็ยังอยู่ครบขาดก็แต่เทนนิส ฟุตซอล และเรือพายเท่านั้นที่เจ้าภาพตัดออกด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการ

ส่วนใครที่ใช้วันลาจนไม่เหลือหรือต้องการสงวนวันลาไว้ใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ก็ไม่ต้องเสียดายไป ยังสามารถใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ตามไปเชียร์นักกีฬาของไทยเราได้ สายการบินน้อยใหญ่ในปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงสู่เมืองหลัก ๆ ของประเทศฟิลิปปินส์คอยรองรับอยู่อย่างมากมาย รับรองว่าไปแล้วกลับมาทันวันทำงานอย่างแน่นอน โดยชั้นประหยัดสนนราคาเริ่มต้นแค่สองพันกว่าบาทเท่านั้น ซึ่งเรื่องค่าใช้จ่ายนี่ก็นับเป็นอีกหนึ่งความโชคดีสำหรับคนไทย เพราะประเทศฟิลิปปินส์กับเมืองไทยเราค่าครองชีพไม่ต่างกันมากนัก เมืองไทยอาจจะถูกกว่าอยู่นิดหน่อย ดังนั้น ค่าที่พัก อาหาร การเดินทาง และการบริการหลาย ๆ ด้านจึงมีราคาที่คนไทยพอจะใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ เรียกว่าไปชมกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ไม่มีกระเป๋าฉีกอย่างแน่นอน

ซีเกมส์ครั้งที่ 30 ณ.ประเทศฟิลิปปินส์ กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มีชาติสมาชิกเข้าร่วมการแข่งขัน 11 ประเทศได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เมียนมา กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว สิงคโปร์ บรูไน และติมอร์ เลสเต โดยประเทศไทยยังคงถูกวางให้เป็นเต็งหนึ่งในการครองความเป็นเจ้าเหรียญทอง และครั้งนี้ไทยเราได้ส่งนักกีฬาเข้าชิงชัยถึง 30 ชนิดกีฬา ไฮไลท์สำคัญยังคงเป็นกีฬาฟุตบอลที่ทีมชาติไทยในฐานะแชมป์เก่าได้อยู่ร่วมสายกับทีมชาติเวียดนามคู่แข่งแย่งความเป็นหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สุดยอดฟุตบอลคู่เดือด ที่แฟนบอลไม่ควรพลาดไปชมสักครั้ง

ในโลกฟุตบอลเรื่องของศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่เข้มข้นยิ่งกว่าเงินตราหรือถ้วยรางวัลใด ๆ หลายทีมถือศักดิ์ศรีไม่ยอมญาติดีกับคู่แข่งอย่างหัวเด็ดตีนขาด ทุกเกมที่ทีมคู่ปรับได้โคจรมาพบกันจึงเป็นเกมฟุตบอลที่ดุเดือดเลือดพล่าน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเกมหยุดโลกเลย ความขัดแย้งของทีมคู่ปรับในโลกฟุตบอลมีหลายปัจจัยทั้งการเป็นทีมบ้านใกล้เรือนเคียงในเมืองเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเป็นลูกไล่กัน หรือแม้แต่ความขัดแย้งในอดีตของทั้งสองทีม และสุดยอดเกมที่คู่ปรับเหล่านี้มาพบกันแฟนบอลตัวจริงไม่ควรพลาดไปสัมผัสบรรยากาศด้วยประการทั้งปวง

สเปอร์ vs อาร์เซน่อล ดาร์บี้แมตซ์ลอนดอนเหนือถือเป็นเกมเดือดสุดอันดับหนึ่งของโลก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความชิงชังจะฝังรากลึกมานานขนาดไหน แม้ไม่มีเกมแข่งขันฮูลิแกนของทั้งสองทีมยังปะทะกันนอกสนามตลอด ทั้งในโลกโซเชียล สถานที่สาธารณะ แน่นอนว่าในเกมผู้เล่นใส่กันสุดตัวทุกครั้ง แฟนบอลเองก็เชียร์บ้าคลั่งไม่น้อยไปกว่ากัน ซึ่งบรรยากาศสุดเดือดราวกับยกทัพเข้าห้ำหั่นกันเช่นนี้ผู้ชมในสนามได้กำไรสุด ๆ เพราะจะได้เห็น “เรียล ฟุตบอล” ที่แท้จริง

เฟเนร์บาห์เช่ vs กาลาตาซาราย สองทีมคู่แค้นจากแดนไก่งวงลงฟาดแข้งกันทีไรจัดว่าเป็นสุดยอดเกมระดับห้าดาวทุกที นี่คือศักดิ์ศรีแห่งอิสตันบูลที่ไม่เพียงแค่บรรยากาศของเกมรวมถึงแฟนบอลในสนามจะสุดคลั่งเท่านั้น แต่ก่อนเกมเริ่มทุกอย่างในเมืองจะคุกรุ่นพร้อมพุ่งไปสู่ความเดือดดาลได้เสมอ บรรยากาศนี้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติจากแฟนบอลของทั้งสองทีม และตำรวจนับพันนายทั่วประเทศตุรกีจะถูกเรียกไประดมพลเตรียมระงับเหตุจนกว่าการแข่งขันจะเสร็จสิ้น คิดดูเถอะว่าเข้มข้นขนาดไหน

โบค่า จูเนียร์ส vs ริเวอร์เพลท ที่สุดแห่งความชิงชังบนทวีปอเมริกาใต้ แม้คุณภาพของเกมฟุตบอลจะเทียบไม่ได้กับสไตล์ฟุตบอลของยุโรปแต่ความมันของเกมชิงความเป็นหนึ่งแห่งอาร์เจนติน่าไม่แพ้ใครแน่นอน ตลอดทั้งเกมจังหวะปะทะหนัก ๆ ยั่วยุ และการแสดงออกของแข้งทั้งสองทีม จะยิ่งปลุกเร้าให้แฟนบอลเรือนแสนในสนามโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งจนครบเก้าสิบนาที ซึ่งบรรยากาศที่แตกต่างจากฟุตบอลยุโรปนี้ถือเป็นอีกประสบการณ์ล้ำค่าที่แฟนบอลควรได้สัมผัสสักครั้งในชีวิต

เรอัล มาดริด vs บาร์เซโลน่า การตีตั๋วเข้าชม เอล กลาซิโก้ ไม่ใช่แค่จ่ายเงินเพื่อไปชมเกมสุดเดือดดาลเท่านั้น แต่แฟนบอลยังคุ้มสุด ๆ ที่ได้เห็นการแข่งขันเสมือนทีมรวมดาราโลกลงฟาดแข้งกัน แน่นอนว่าบิ๊กเกมของแดนกระทิงดุเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ความดุดัน และการสูบฉีดของอะดรีนาลีน ยิ่งหากทั้งสองทีมโคจรมาพบกันในบอลถ้วยอย่างยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกก็ยิ่งทวีความมันขึ้นไปอีก เปรียบได้ดังเกมในฝันของแฟนบอลทั่วโลกเลยทีเดียว

ยังมีเกมคู่แค้นอีกหลายเกมที่เราไม่ได้กล่าวถึงทั้งแดงเดือด, มิลานดาร์บี้ หรือทีมชาติอาร์เจนติน่าพบทีมชาติบราซิล เพราะด้วยสภาพทีมที่ต่างกันมากเกินไปของสองทีมคู่แค้นทำให้ช่วงหลัง ๆ เกมเหล่านี้ดูจะลดดีกรีความร้อนแรงลงไป แต่กลับกันทั้ง 4 เกมระดับห้าดาวที่เราแนะนำไป ในปัจจุบันรวมถึงอนาคตเชื่อว่าคงไม่ลดดีกรีความดุเดือดเลือดพล่านลงได้ง่าย ๆ เพราะแฟนบอลรวมทั้งนักเตะทั้งสองทีมจงชังกันชนิดไม่เผาผีกันเลยทีเดียว

Pancho Aréna สนามฟุตบอลหรืองานศิลปะ

มีความเชื่อว่าหากมนุษย์เราท้องอิ่ม ปลอดภัย มีความเป็นอยู่ที่ดี จะเกิดความคิดสร้างสรรค์แสดงออกผ่านศิลปะในแบบต่าง ๆ ความเชื่อนั้นอาจจะมีส่วนถูกเพราะประเทศสงบสุข คุณภาพชีวิตของประชากรดีมักจะมีศิลปินสรรสร้างผลงานศิลปะเพื่อจรรโลงโลกอยู่เสมออย่างเช่น นอร์เวย์ อิตาลี บัลแกเรีย ออสเตรีย และเช็ค ประเทศเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยศิลปินมีชื่อมากมาย เปรียบดังเมืองหลวงแห่งผลงานศิลปะทุกแขนง เช่นเดียวกันกับฮังการี ประเทศเล็ก ๆ แสนสงบสุขในยุโรปที่วรรณกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และสถาปัตยกรรม รุ่งเรืองถึงขีดสุดสะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากรในประเทศอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pancho Aréna สนามฟุตบอลที่สวยงามราวกับโรงละครในภาพฝัน

Pancho Aréna เป็นสนามฟุตบอลของสโมสร Puskás Akadémia FC สโมสรเล็ก ๆ ในฮังการีที่เชื่อว่าแฟนฟุตบอลส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นชื่อในการแข่งขันระดับทวีปมาก่อน สนามแห่งนี้มีความจุแค่ 5,000 ที่นั่งเท่านั้น และด้วยความเป็นสนามฟุตบอลขนาดเล็กนี่เองจึงทำให้ อิมเร มาโคเว็ตซ์ สถาปนิกชาวฮังกาเรี่ยนสามารถรังสรรค์ผลงานสุดบรรเจิดนี้ขึ้นมาประดับโลกาได้อย่างเต็มที่ Pancho Aréna ได้แรงบันดาลใจมาจากโบสต์ของชาวคริสเตียน ออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรมแนวนีโอโกธิค โครงสร้างโดยรวมเป็นคอนกรีตกึ่งไม้ และการประดับด้วยไม้ นี่เองที่ทำให้สนามแห่งนี้มีความแตกต่างจากสนามฟุตบอลอื่น ๆ ไม้ที่ว่าถูกนำเอามาทำเป็นซุ้มทรงโค้งคล้ายกิ่งก้านของต้นปาล์มหรือต้นมะพร้าวเพื่อเป็นโครงสร้างรับน้ำหนักหลังคาอีกที เมื่อดูเผิน ๆ จะเหมือนต้นไม้หลาย ๆ ต้นเรียงสลับกันตามแนว พิจารณาดูดี ๆ จะเห็นถึงความสลับซับซ้อนและความสุดยอดของงานออกแบบ โครงสร้างประดับด้วยไม้นั้นเมื่อต้องแสงไฟแล้วจะทำให้สนามดูมีมิติ หรูหรา จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นสนามกีฬาเพราะคล้ายโรงละครโอเปร่าเสียมากกว่า

ความโดดเด่นของสนามแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงสถาปัตยกรรมภายในเท่านั้น ภายนอกสนามเองก็ดูแตกต่างไม่เหมือนใคร ทางทิศเหนือที่ติดกับสนามซ้อมของสโมสรและทิศใต้ที่เป็นประตูทางเข้า ทั้งสองด้านสถาปนิกตั้งใจใช้หลังคาสีดำด้านและลูกเล่นโครงสร้างทรงโค้งทำให้ดูเหมือนเป็นค้างคาวขนาดมหึมากำลังสยายปีก ยังไม่หมดแค่นั้นในส่วนของทางเข้าพิเศษสำหรับแขกวีไอพีปากทางเข้ายังถูกประดับประดาให้ดูเหมือนเป็นปราสาทในเทพนิยายอีกต่างหาก

หากใครอยากยลความงามของสนาม Pancho Aréna ก็ไม่ยากเพียงเดินทางไปที่เมือง Felcsut ประเทศฮังการีก็ได้ชมสนามที่เหมือนผลงานศิลปะขนาดยักษ์แห่งนี้แล้ว ซึ่งนอกจากปลายทางที่สนาม Pancho Aréna ระหว่างการเดินทางหรือเที่ยวชมสถานที่อื่น ๆ คุณจะได้เห็นศิลปะนานาชนิดของประเทศอันงดงามนี้ผ่านตาอยู่ตลอด ซึ่งการได้เสพย์งานศิลป์นั้นถือว่าเป็นความผ่อนคลายที่ดีมาก ๆ อย่างหนึ่ง เพราะนอกจากจะปลดเปลื้องความเครียดแล้วยังทำให้จิตใจของผู้คนอ่อนโยน ไม่แข็งกร้าว ยิ่งหากได้ชมเกมฟุตบอลไปด้วยเสพย์งานศิลป์ไปด้วยถือว่าเป็นโชคสองชั้นเลยทีเดียว จะว่าไปก็น่าอิจฉาแฟนบอลของ Puskás Akadémia FC เหมือนกันนะเนี่ย

“บุรีรัมย์ คาสเซิล” สรวงสวรรค์ของครอบครัวแฟนกีฬา

แฟนบอลพันธุ์แท้จำนวนไม่น้อย ต้องประสบปัญหาในการจัดสรรเวลาเพื่อเชียร์ฟุตบอลทีมโปรด ควบคู่ไปกับการใช้เวลาช่วงวันหยุดร่วมกับคนในครอบครัวที่ไม่ได้ติดตามฟุตบอล จนบางครั้งต้องจำใจเลือกเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่สำหรับแฟนบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดแล้ว พวกเขาสามารถให้เวลากับครอบครัวไปพร้อม ๆ กับการเชียร์ทีมรักชนิดติดขอบสนามได้ในเวลาเดียวกันที่ “บุรีรัมย์ คาสเซิล”

                บุรีรัมย์ คาสเซิล คือ ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ อันแน่นไปด้วยที่กิน ที่ช้อปปิ้ง และที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยตั้งอยู่ด้านข้างของ “ช้าง อารีน่า” สนามฟุตบอลประจำทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนิดที่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึง ทำให้แฟนบอลพ่อบ้าน สามารถใช้เวลาก่อนเกมร่วมกับครอบครัว ก่อนจะเข้าไปชมเกมในสนามโดยที่ภรรยาและลูก ๆ ยังคงมีกิจกรรมระหว่างเกมการแข่งขันไปด้วย หรือจะฆ่าเวลาก่อนเกมด้วยการเข้าไปเลือกวางเดิมพันบนเว็บ VWIN ก็ทำได้อย่างสะดวก

                บุรีรัมย์ คาสเซิล ใช้เงินลงทุนถึง 370 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่ขนาด 93,000 ตารางเมตร ให้กลายเป็นชุมชนรอบปราสาทหินเหมือนเมื่อครั้งอดีต โดยใช้พื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร ในการสร้าง “ปราสาทหินพนมรุ้งจำลอง” ขนาดเท่าของจริง ใช้ช่างฝีมือแกะสลักหินทุกก้อนอย่างประณีต และจัดเรียงหินตามหลักการสร้างปราสาทแบบโบราณ อีกทั้งยังกำหนดทิศทางของปราสาทให้สอดคล้องกับการตกของพระอาทิตย์ เพื่อให้ลำแสงอาทิตย์ส่องผ่านประตูปราสาทเช่นเดียวกับที่ปราสาทพนมรุ้ง นักท่องเที่ยวไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อสัมผัสปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตานี้อีกต่อไป

                ถัดจากตัวปราสาทไม่ไกล เป็นที่ตั้งของ “สวนศิวะ 12” สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่ออกแบบและจัดโดยสวนนงนุช สวนชื่อดังของเมืองไทย ซึ่งเปลี่ยนพื้นที่กว่า 35,000 ตารางเมตร ให้เต็มไปด้วยต้นไม้หายากนานาพันธุ์ สวนกล้วยไม้ สวนตะบองเพชร และแลนด์มาร์คสำคัญประจำสวน “มหาศิวลึงค์” ทำจากหินทรายขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 9 เมตร รายรอบด้วยแผ่นศิลาหินทรายสลักรูป “กามาสูตร” ซึ่งเปรียบได้ดั่งจุดกำเนิดของจักรวาล

                ในส่วนของอเวนิว เป็นศูนย์รวมอาหารไว้มากมายครบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นร้านอร่อยประจำท้องถิ่น หรือแม้แต่ร้านอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ดังระดับประเทศ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรรความอร่อยตามต้องการ นอกจากนั้นยังรายล้อมไปด้วยร้านเสื้อผ้า ของใช้ และของที่ระลึกต่าง ๆ ให้ผู้มาเยือนได้เลือกช้อปกันอย่างจุใจ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ในทุกวัน

                ไม่เพียงเท่านั้น ในวันที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลงสนามในฐานะทีมเยือน บริเวณลานกิจกรรมของบุรีรัมย์ คาสเซิล จะจัดทีวีจอยักษ์เพื่อถ่ายทอดสดการแข่งขันให้แฟนบอลเซาะกราวได้รวมตัวส่งกำลังใจเชียร์ทีมรักไปด้วยกัน

                เมื่อการใช้ชีวิตสอดคล้องกลมกลืนกัน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จึงผูกพันกับทุกครอบครัวอย่างแน่นแฟ้น และด้วยแนวคิดที่เชื่อมโยงสโมสรและแฟนบอลไว้ทั้งครอบครัวนี่เอง จึงไม่แปลกใจที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะเป็นที่รักของแฟนบอลทุกเพศ ทุกวัย ไม่เพียงแต่ในจังหวัดบุรีรัมย์เท่านั้น แต่ยังครองใจแฟนบอลทั่วทั้งประเทศ