ฮานามิ ณ ภูลมโล ความงามรับต้นปี ทุกพื้นที่เป็นสีชมพู

“ฮานามิ” คำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น คือ การชมดอกไม้ร่วมกันกับคนที่เรารัก อย่างเพื่อน ครอบครัว ร่วมรับประทานอาหาร ชมความงามของดอกไม้ไปพลางพูดคุยสรวนแสเฮฮากัน ซึ่งตลอดปีจะมีช่วงที่ดอกไม้ผลิบานสะพรั่งเหมาะแก่การชื้นชม การฮานามิ ไม่ได้ถูกจำกัดว่าต้องชมเฉพาะดอกซากุระเท่านั้น ดอกไม้ชนิดอื่น ๆ ก็ถือเป็นการฮานามิเช่นกัน

ความสุข ความสนุกของการชมดอกไม้บานนั้นยังสามารถทำได้ในหลายพื้นที่ หลายจังหวัดในประเทศไทย นับเป็นโชคดีที่ประเทศไทยสามารถเพาะปลูกพืชได้หลากหลายชนิด ไม่ใช้แค่เพียงพรรณไม้เมืองร้อนเท่านั้น แต่พรรณไม้เมืองหนาว รวมทั้งพันธุ์ไม้พื้นถิ่นที่ชอบอากาศเย็น ประเทศไทยเองก็มีความงานให้ชมได้ตลอดทั้งปี อย่างเช่น ต้นพญาเสือโคร่งที่มีความงามไม่แพ้ซากุระ และเหมาะกับฮานามิ ซึ่งได้มีการทำการเพาะปลูกจำนวนมากในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าก็น่าชื่นชมเหมือนกัน

ช่วงต้นปีระหว่างเดือนมกราคม จนถึงเดือนแห่งความรักกุมภาพันธ์ ณ ภูลมโล อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า  ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปเที่ยวชมดอกพญาเสือโคร่ง ซึ่งมีความงามเหมือนได้ไปชมดอกวากุระที่ญี่ปุ่น อีกทั้งบรรยากาศยอดภูช่วงต้นปียังทำให้รู้สึกดีเหมือนได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ โดยต้นพญาเสือโคร่งนั้นได้มีการเพาะปลูกด้วยความร่วมมือกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติและชาวบ้าน บนเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ มีด้วยกัน 4 โซน มีสินค้าจำหน่ายจากชาวบ้าน เป็นพืชผักเมืองหนาวที่ชาวบ้านเพาะปลูกได้เองในพื้นที่ อย่างเช่น แครอท กระหล่ำดอก บล็อกโคลี และผลไม้ยอดฮิตอย่างสตอเบอร์รี่ก็มี และนอกจากนี้ยังมีรถบริการรับส่งระหว่างขึ้นภูจากชาวบ้าน นับเป็นการส่งเสริมรายได้ในกับชาวบ้าน ชาวเขาในพื้นที่ เป็นการท่องเที่ยวที่ให้ความสุขสดชื้นรับต้นปี

สำหรับการไปเที่ยวตามอุทยานต่าง ๆ เองในทุกพื้นที่ในประเทศไทยเองมักจะมีร้านค้าขายอาหารและเครื่องดื่มของชาวบ้านค่อยให้บริการความอิ่มอร่อย แก่นักท่องเที่ยวที่หิวกระหาย มีความต้องการที่อยากเติมเต็มทั้งทางจิตใจและอิ่มท้อง โดยที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเองก็เช่นเดียวกัน มีร้านค้าชาวบ้านไว้บริการเหล่านักท่องเที่ยวตลอดทาง เป็นเรื่องดีที่เงินได้เกิดการหมุนเวียนในประเทศ หากแต่สิ่งที่มักมากกับการกินอาหารคือ ขยะ พลาสติก ขวดแก้ว ซึ่งหลายที่ในประเทศไทยมักจะปล่อยหน้าที่เก็บกวาดให้เจ้าหน้าที่ และชาวบ้านในพื้นที่ อยากจะให้นักท่องเที่ยวนำวัฒนธรรมดี ๆ อย่างการฮานามิของชาวญี่ปุ่นมาปรับใช้คือ การรักษาความสะอาด เป็นชมดอกไม้ด้วยการอนุรักษ์ ไม่เด็ดดอกหรือหักกิ่งก้านของดอกไม้  เพราะความงามของดอกไม้จะงามที่สุดตรงที่มันยังอยู่กับต้น และค่อยเคลื่อนคล้อยลงสู้พื้นอย่างสวยงามตามธรรมชาติของมัน

 

แกรนด์แคนย่อน เมืองเล็กบนเขา ในฝันของนักท่องเที่ยว

                 นักท่องเที่ยวหลายคนใฝ่ฝันการเดินทางไปสถานที่ที่ห่างไกลจากบ้านของตนเอง ยิ่งไกล ยิ่งเจอสิ่งที่ไม่คุ้นเคย แต่น่าแปลกที่รู้สึกสนุกไปกับสิ่งเหล่านั้นที่ได้พบเจอ ทั้งระหว่างการเดินทางและในจุดหมายปลายทาง ทั้งคนแปลกหน้าที่กลายมาเป็นเพื่อนในภายหลัง การพูดภาษาในชีวิตประจำวันที่ปกติพูดแต่ภาษาไทย แต่ช่วงเวลานั้นตื่นมาจนเข้านอนต้องใช้แต่ภาษาอังกฤษ สปาเก็ตตี้หรือเบอร์เกอร์ที่กลายเป็นอาหารประจำวันและต้องกินทุกวัน หิมะที่เพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในชีวิต พืชพรรณไม้แปลกใหม่ ช่องเดินรถยังต้องสลับด้านจากซ้ายไปอยู่ทางขวา กระรอกที่ตอนอยู่เมืองไทยจะเห็นแค่บนกิ่งไม้รึไม่ก็เสาไฟฟ้า กลายมาเป็นได้เห็นพวกมันเพ่นพ่านคุ้ยเขี่ยขยะอยู่ทั่วไป หรือแม้แต่การยิ้มให้คนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนขณะเดินสวนกัน ถ้ายิ้มให้คนแปลกหน้าในไทยคงถูกมองว่าแปลก หรือคิดกันไปว่าต้องการบางอย่างถึงได้ยิ้มอย่างนั้นออกมาเป็นแน่ แต่สถานที่นั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะสหรัฐอเมริกาเป็นเมืองแห่งการแสดงออก และอุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนย่อน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ของทั้งคนอเมริกันและนักท่องเที่ยวทั่วโลก

การได้นั่งดูทิวเขาแกรนด์แคนย่อนพร้อมนั่งจิบเบียร์ไปพลาง ๆ จวบจนพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมกับมีเสียงขลุ่ยของชนพื้นเมืองอเมริกัน (Native American) เผ่านาบาโฮ (Navajo) คลอออกมาจากลำโพงของพิพิธภัณฑ์ใกล้กับริมหน้าผานั้น เป็นความรู้สึกที่ยากเกินบรรยาย ลมที่พัดขึ้นมาจากหน้าผาหลายร้อยเมตร บ้างก็หนาว บ้างก็เย็นกำลังพอดี ทัศนียภาพที่อยู่ตรงหน้านิ่งสงบบ้าง ท้องฟ้าจากตะวันลับเป็นสีแดงบ้าง หรือทิวเขากลายเป็นสีขาวหลังจากหิมะตก นานครั้งอาจเห็นนกอินทรีย์บินอยู่ลิบ ๆ มองลงหน้าผาไปก็เห็นเป็นชั้นหินอายุนับล้านปี ที่ผู้รู้เล่าว่าแถวนี้แต่ก่อนเป็นทะเล จึงทำให้เกิดชั้นหินที่สวยงามและสลับซับซ้อนอย่างนี้ได้ แต่แกรนด์แคนย่อนไม่ได้มีดีเพียงแค่วิวหน้าผาเพียงเท่านั้น

สัตว์ป่าที่แกรนด์แคนย่อน หลายชนิดก็ถือว่าใกล้ชิดกันกับมนุษย์ได้ เช่น หากห้องพักอยู่ที่ชั้นล่างของรีสอร์ท บางครั้งเปิดประตูห้องออกไป ก็สามารถจ๊ะเอ๋กับกวางเอลฟ์ยืนเล็มใบไม้ที่หน้าห้องได้พอดี หรือแม้แต่กวางมูสตัวใหญ่ ก็มักจะมาเดินให้ผู้คนพบเห็นเป็นประจำ หรือแม้แต่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ที่บางปีแจ้งเตือนให้ประชาชนในแถบนั้นระวังหมีออกหากิน รวมถึงปศุสัตว์การเลี้ยงล่อ เพื่อไว้ใช้สำหรับกิจกรรมการท่องเที่ยวเดินทางไกล ตามแม่น้ำโคโลราโด ได้บรรยากาศคลาสสิคของคาวบอย และสัมผัสวิถีชีวิตของชนพื้นเมืองอเมริกัน

ก่อนขึ้นไปบนแกรนด์แคนย่อนนั้น นักท่องเที่ยวนิยมแวะพักที่เมืองเล็ก ๆ ชื่อแฟลกสตาฟ (Flagstaff) ก่อน 1 คืน เพื่อเตรียมทั้งอุปกรณ์เดินไกล อุปกรณ์กันหนาว ซึ่งมีทางเลือกในการเดินทางขึ้นแกรนด์แคนย่อนทั้งรถไฟแบบโบราณ แทกซี่แบบเหมารับจ้าง (แทกซี่แพงที่สุด) รถตู้ (รถตู้ประหยัดที่สุด) และขับรถขึ้นไปเอง หากเลือกการเดินทางไปตามถนนลาดยาง ก็จะขับไปตามทางตรง สองข้างทางเวิ้งว้างคล้ายทะเลทราย เพียงแต่มีพืชขึ้นอยู่ประปราย เป็นระยะทาง 73.5 ไมล์ (118 กิโลเมตร) ก็จะถึงปากประตูทางเข้าอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีทั้งร้านอาหาร โรงหนัง โรงแรมตั้งอยู่ด้านหน้า และมีรถประจำทางของอุทยานมารับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้บริการเข้าไป

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การแนะนำโดยตัวหนังสือเพียงเท่านั้น แต่เมื่อไปสัมผัสจริงแล้ว ต้องเรียกได้ว่าคูณเข้าไปกี่เท่าก็ไม่อาจทราบได้ ทุกท่านโปรดไปสัมผัสด้วยตัวท่านเอง แล้วจะรู้ถึงความทรงจำที่ไม่รู้ลืมว่าเป็นอย่างไร