กินอิ่มและฉ่ำบุญ กันที่ “กว๊านพะเยา”

“กว๊านพะเยา” ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย ตั้งอยู่กลางอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา มีพื้นที่ราว 12,831 ไร่ เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาที่ทอดยาวขวางทางทิศตะวันตก ยามเย็นริมฝั่งกว๊านเราจะเห็นความสวยงามของพระอาทิตย์ตกดิน สะท้อนสีทองบนผืนน้ำอันเงียบสงบช่างเป็นภาพที่ตรึงตาตรึงใจยิ่งนัก กว๊านพะเยารองรับน้ำจากลำห้วยทั้งหมด 12 สาย ที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาสันปันน้ำ หรือ ดอยหลวง มีพันธุ์ปลาน้ำจืดกว่า 45 ชนิด เป็นที่เพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่สำคัญ และกลายเป็นแหล่งผลิตภัณฑ์ปลาส้มแสนอร่อยที่ขึ้นชื่อเป็นสินค้า OTOP ของจังหวัดพะเยาที่ใครไปใครมาต้องถือกลับไปเป็นของฝากแก่ญาติสนิทมิตรสหาย

บริเวณริมกว๊านพะเยาได้จัดให้มีพื้นที่สาธารณะสำหรับออกกำลังกาย และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ มีร้านอาหารพื้นเมือง และอาหารจากกว๊านจำพวก กุ้ง หอย ปู ปลา ให้ได้เลือกซื้อได้ตามความชื่นชอบ ในช่วงวันหยุดอาจจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนกินลมชมวิวทิวทัศน์ ดังนั้นหากจะไปนั่งชิล ๆ อาจจะต้องบริหารจัดการเวลาให้ดีหน่อย

สำหรับใครที่ตื่นเช้าก็แนะนำให้มาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ดูนกน้ำออกหากินได้ที่ริมกว๊านพะเยา พอ 7 โมงเช้าก็รอใส่บาตรข้าวเหนียวกันก่อนแถว ๆ ท่าเรือริมกว๊าน หากไม่ได้เตรียมกับข้าวมาด้วยก็สามารถหาซื้อได้บริเวณนั้นได้เลย  หลังจากใส่บาตรรับศีลรับพรเสริมความเป็นสิริมงคลแล้ว แดดยังอ่อน ๆ ไม่ร้อนสักเท่าไหร่ก็ถึงเวลาไปนมัสการหลวงพ่อศิลากลางกว๊านพะเยาด้วยเรือพายสนนราคาค่าบริการเพียงคนละ 20 บาทเท่านั้น ซึ่งใช้เวลาเดินทางไปกลับเพียง 20 นาที ตามประวัติหลวงพ่อศิลาเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย อายุกว่า 500 ปี ค้นพบเมื่อปี 2526 บริเวณวัดติโลกอารามที่จมอยู่ใต้กว๊านพะเยา ชาวบ้านได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดศรีอุโมงค์คำ กระทั่งปี 2550 ได้อัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับไปที่วัดติโลกอารามกลางกว๊านพะเยาตามเดิม โดยในคืนเพ็ญวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา จะมีพิธีเวียนเทียนกลางน้ำโดยล่องเรือไปเวียนเทียนบูชาองค์หลวงพ่อศิลากลางกว๊านพะเยา เราจะเห็นผู้คนอยู่บนเรือถือดอกไม้ธูปเทียนและดวงประทีปส่องแสงระยิบระยับอร่ามงดงามสะท้อนผืนน้ำกลางกว๊านพะเยา จึงเป็นภาพที่ประทับใจยิ่ง

ผ่านมาภาคเหนือเมื่อใดก็อย่างลืมเที่ยวเมืองพะเยากันก่อน แวะพักผ่อนหย่อนใจกับวิถีชีวิตเรียบง่ายริมฝั่งกว๊านพะเยา สัมผัสกับประเพณีวัฒนธรรมล้านนาที่ยังคงไว้อย่างสมบูรณ์ ร่วมทำบุญริมฝั่งกว๊านหรือจะลงเรือไปกราบพระกลางกว๊านพะเยา เราจะได้พบประสบการณ์ที่แปลกน่าจดจำและไม่เหมือนที่ใดในโลกแน่นอน

เดินป่าวัดใจ พิชิตหนอกวัวที่จังหวัดพะเยา

ในประเทศไทยเองมีภูมิทรรศย์ทางธรรมชาติหลากหลาย โดยสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการพิชิตยอดเขาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูสอยดาว ภูกระดึง หรือยอดเขา ยอดดอยต่าง ๆ ในแถบภาคเหนือของไทยก็มีให้พิชิตจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น ดอยหนอก จังหวัดพะเยา เป็นที่ที่รอคอยผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่า ปีนเขา ให้ไปพิชิตด้วยตัวเอง หากใครที่สนใจอยากไปเที่ยวต้องแจ้งเจ้าหน้าประจำศูนย์ก่อน ไม่สามารถเดินขึ้นไปด้วยตัวเองได้ โดยเส้นทางการเดินทางที่ต้องเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลาและเส้นทางเดินยังต้องเดินบนหินชัน ๆ กับป่าชื้น ๆ ตลอดระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร แต่จะมีจุดระยะให้พักระหว่างทางได้ แต่หากขึ้นมาถึงยอดดอยได้ จะได้พบกับหลวงพ่อทันใจประดิษฐานอยู่ด้านหน้าของดอยหนอก จากนั้นต้องไต่สลิงขึ้นไปอีกจึงจะถึงดอยหนอก เมื่อขึ้นไปถึงจะได้สัมผัสกับวิวภูเขาสูงแบบ 360 องศา และคงหายเหนื่อยในทันที

สำหรับดอยหนอกนั้นมีลักษณะที่คล้ายกันกับหนอกบนสันหลังของวัว มีความโดดเด่นในแง่รูปลักษณ์ที่เป็นที่สะดุดตาเป็นอย่างมาก และที่สำคัญดอยหนอกยังเป็นเขตติดต่อระหว่างจังหวัดพะเยาและจังหวัดลำปาง ตั้งอยู่บนดอยหลวง สำหรับใครที่ไปทางฝั่งพะเยาสามารถที่จะเลือกลงทางฝั่งลำปางได้ แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝั่งเพื่อจะจัดเตรียมอำนวยความสะดวก และสามารถนำทางได้ เช่นเดียวกันหากเดินทางมาจากฝั่งลำปางสามารถขอลงทางฝั่งพะเยาได้เช่นกัน ด้านบนดอยนั้นยังมีพระธาตุดอยหนอกที่มีอายุราว 100 ปีมาแล้ว ภายในมีรอยพระพุทธบาทให้กราบสักการะได้อิ่มบุญกันก่อนกลับอีกด้วย และนอกจากนี้ยังสามารถชมวิวของควานพะเยา วิวจังหวัดเชียงใหม่ และวิวจังหวัดเชียงรายได้อีกด้วย เรียกได้ว่ามาที่เดียวเที่ยวได้ 4 จังหวัดกันไปเลย และหากโชคดีก็จะได้พบกับทะเลหมอกได้อีกด้วย

สำหรับการเดินทางขึ้นไปพิชิตดอยหนอกนั้นสามารถกางเต้นท์นอนพักแรมได้ เนื่องจากเป็นเส้นทางติดต่อกันกับดอยหลวง ซึ่งอยู่สูงกว่าไปว่า จะเลือกเที่ยวที่ใดก่อนก็สามารถทำได้อย่างที่ต้องการ สำหรับการเดินทางจะมีการใช้รถอีแต๊น ก่อนระยะหนึ่ง โดยรถอีแต๊นเป็นบริการจ้างจากชาวบ้านที่เตรียมไว้คอยให้ความอำนวยสะดวกแก่นักท่องเที่ยวผู้พิชิตทุกท่าน และมีบริการหาบของสัมภาระให้บริการด้วย การท่องเที่ยวดอยหนอกนั้นไม่เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีความอดทนต่ำ ไม่ได้มีใจรักในธรรมชาติ เพราะต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิด เนื่องจากปัจจุบันฤดูกาลมีความเปลี่ยนแปลงบ่อย อีกทั้งสัตว์ขนาดเล็ก และแมลงรบกวนที่น่าลำคราญอย่างยุ่งยังมีเป็นจำนวนมาก แต่หากทนได้คุณจะได้พบดวงดาวทามกลางสายหมอกบนท้องฟ้า และดวงดาวระยิบบนพื้นดินที่คุณจะต้องประทับใจไม่รู้ลืม