ค้นพบเสน่ห์อันน่าหลงใหลของกรุงเทพฯ ในปี 2566

กรุงเทพฯ เมืองหลวงที่มีชีวิตชีวาของประเทศไทย ดึงดูดนักเดินทางด้วยการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและประเพณีอันน่าหลงใหล เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่คึกคักไปด้วยพลังงานร่วมสมัย เมืองนี้สัญญาว่าจะเป็นการเดินทางที่น่าจดจำสำหรับผู้มาเยือนในปี 2566 ตั้งแต่วัดโบราณไปจนถึงตลาดที่พลุกพล่าน และจากอาหารริมทางที่น่ารับประทานไปจนถึงประสบการณ์การช็อปปิ้งที่หรูหรา กรุงเทพฯ มอบประสบการณ์มากมายที่สลับซับซ้อนเพื่อปรนเปรอทุกความเร่าร้อน มาเริ่มทัวร์เสมือนจริงของจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์แห่งนี้และสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนเพื่อการเดินทางที่น่าจดจำ

ตื่นตากับความยิ่งใหญ่ของวัด

การมาเยือนกรุงเทพฯ จะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้สำรวจวัดวาอารามอันน่าเกรงขาม พระบรมมหาราชวัง กลุ่มอาคารและวัดวาอารามอันโอ่อ่าตระหง่านเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความล้ำเลิศทางสถาปัตยกรรมของไทย อย่าพลาดวัดพระแก้ว วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่เคารพนับถือ วัดอื่น ๆ ที่ต้องไปเยี่ยมชม ได้แก่ วัดโพธิ์ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ และวัดอรุณราชวรารามซึ่งมีทิวทัศน์อันน่าทึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา

ดื่มด่ำกับเสน่ห์อันวุ่นวายของตลาด

ตลาดที่มีชีวิตชีวาของกรุงเทพฯ มอบประสบการณ์อันน่าดื่มด่ำให้กับชีวิตบนท้องถนนที่พลุกพล่านของเมือง ตั้งแต่ตลาดน้ำที่เป็นสัญลักษณ์อย่างดำเนินสะดวกที่พ่อค้าแม่ค้าเร่ขายสินค้าบนเรือ ไปจนถึงตลาดนัดสวนจตุจักรที่มีสีสันและหลากหลาย นักช็อปและผู้ที่ชื่นชอบวัฒนธรรมจะค้นหาสมบัติเพื่อนำกลับบ้าน สำรวจร้านค้าที่เต็มไปด้วยงานฝีมือท้องถิ่น เสื้อผ้า ของที่ระลึก และดื่มด่ำกับอาหารริมทางรสเลิศที่สะท้อนถึงความหลากหลายด้านอาหารของประเทศไทย

ลิ้มลองอาหารไทยรสเลิศ

การผจญภัยด้านอาหารกำลังรออยู่ที่กรุงเทพฯ พร้อมอาหารไทยรสเลิศมากมาย ตั้งแต่อาหารริมทางที่มีรสชาติและกลิ่นหอมในทุกมุมถนน ไปจนถึงร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินที่สร้างนิยามใหม่ให้กับอาหารแบบดั้งเดิม กรุงเทพฯ ตอบโจทย์ทุกรสนิยม ลิ้มรสผัดไทยอันเป็นเอกลักษณ์ ดื่มด่ำกับแกงเขียวหวานรสเผ็ดร้อน และลิ้มลองรสชาติของข้าวเหนียวมะม่วงเมืองร้อน แหล่งอาหารที่มีชีวิตชีวาของเมืองนี้จะทำให้คุณรู้สึกอยากมากขึ้นอย่างแน่นอน

โอบกอดสถานบันเทิงยามค่ำคืน

เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน สถานบันเทิงยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ จะมีชีวิตชีวาขึ้น พร้อมตัวเลือกความบันเทิงมากมาย ตั้งแต่บาร์บนชั้นดาดฟ้าที่มองเห็นวิวเมืองแบบพาโนรามา ไปจนถึงไนต์คลับที่มีชีวิตชีวาและการแสดงทางวัฒนธรรม เมืองนี้มีอาหารให้เลือกหลากหลาย สัมผัสเสน่ห์บรรยากาศคึกคักของถนนข้าวสาร หรือล่องเรือดินเนอร์ไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ดื่มด่ำกับแสงสีของเมือง

สัมผัสศิลปะและวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบวัฒนธรรม กรุงเทพฯ เป็นแหล่งขุมทรัพย์แห่งศิลปะและวัฒนธรรม เยี่ยมชมหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ศูนย์กลางนิทรรศการและการแสดงศิลปะร่วมสมัย ดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์และศิลปะไทยที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และชมการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมืองอันน่าหลงใหลที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

ล่าถอยสู่โอเอซิสอันเงียบสงบ

ท่ามกลางเมืองที่พลุกพล่าน พบกับความเงียบสงบที่โอเอซิสอันเงียบสงบของกรุงเทพฯ สวนลุมพินีเป็นสถานที่พักผ่อนที่สดชื่นด้วยทะเลสาบ เส้นทางวิ่งออกกำลังกาย และรำไทเก็ก สำรวจสวนอันเขียวขจีของคาบสมุทรบางกระเจ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ปอดสีเขียว” ของกรุงเทพฯ และเพลิดเพลินกับการขี่จักรยานสบายๆ หรือนั่งเรือไปตามลำคลองอย่างเงียบสงบ

บทสรุป: เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ไม่รู้จบ

กรุงเทพฯ มีเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างเสน่ห์แบบโบราณและความมีชีวิตชีวาสมัยใหม่ สัญญาว่าจะเป็นการผจญภัยที่น่าหลงใหลสำหรับนักเดินทางในปี 2566 ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจวัดอันเป็นสัญลักษณ์ ดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศ หรือดื่มด่ำกับวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของเมือง กรุงเทพฯ มีเสน่ห์ด้วยการต้อนรับที่อบอุ่นและเป็นเอกลักษณ์ มนต์เสน่ห์ที่คงอยู่เนิ่นนานหลังการเดินทางสิ้นสุดลง โอบกอดความมหัศจรรย์ของกรุงเทพฯ และเตรียมพร้อมที่จะเคลิบเคลิ้มไปกับนครแห่งนางฟ้า

สัมผัสธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการพักผ่อนในช่วงวันหยุดด้วยการใกล้ชิดกับป่าไม้และขุนเขา ไม่ว่าจะเป็นสายถ่ายภาพหรือสายผจญภัย ต้องมี “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” เป็นหนึ่งในสถานที่โปรดในดวงใจอย่างแน่นอน เนื่องจากพื้นที่โดยรอบของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเต็มไปด้วยจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายให้เหล่านักท่องเที่ยวเลือกทำกิจกรรมได้ตามความสนใจของแต่ละคน

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ถือเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแก่งกระจาน, อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีเนื้อที่รวมทั้งหมดกว่า 1.8 ล้านไร่ ด้วยความกว้างใหญ่และความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ทำให้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ สัตว์ป่าน้อยใหญ่นานาชนิด อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญ จึงก่อให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งกระจายตัวอยู่ทั่วอุทยานแห่งชาตินี้

เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนดินที่ปิดล้อมหุบเขาจนเกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ถึง 45 ตารางกิโลเมตร มีเกาะกลางน้ำหลายแห่ง รวมไปถึงมีสะพานแขวนเชื่อมระหว่างเกาะ ซึ่งนับเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม เนื่องจากถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” นั้นเอง นอกจากนี้ทะเลสาบแห่งนี้ยังสามารถพายเรือคายัคเพื่อชมทัศนียภาพ หรือพายเรือตกปลาได้อีกด้วย

เขาพะเนินทุ่ง จุดชมวิวที่สามารถชมทะเลหมอกยามเช้าได้ตลอดทั้งปี ไม่เว้นแม้แต่ช่วงหน้าร้อน เนื่องจากเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย ด้วยความสูงถึง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ด้วยเส้นทางขึ้นเขาที่ค่อนข้างแคบ จึงมีการกำหนดช่วงเวลาขึ้น-ลง และต้องขอใบอนุญาตผ่านทางจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเสียก่อน ทำให้นักท่องเที่ยวต้องวางแผนการเดินทางให้ดี

น้ำตกทอทิพย์ น้ำตกยอดนิยมที่อยู่ห่างจากเขาพะเนินทุ่งไม่มากนัก มีความสูงทั้งสิ้น 9 ชั้น ซึ่งชั้นที่ 5 ได้รับการยกย่องว่าเป็นชั้นที่สวยที่สุด จึงกลายเป็นชั้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเช่นกัน โดยการจะเข้าไปถึงตัวน้ำตกได้นั้นต้องจอดรถไว้และใช้การเดินเท้าเข้าไปในป่าอีกประมาณ 4 กิโลเมตร

จุดชมผีเสื้อแคมป์บ้านกร่าง เนื่องจากบริเวณแคมป์บ้านกร่างมีโป่งดินตามลำธารอยู่มากมาย ทำให้ในช่วงหน้าร้อนของทุกปี ที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งรวมตัวของผีเสื้อนับพันตัวกว่า 200 สายพันธุ์ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมผีเสื้อคือระหว่าง 10.00 – 14.00 น. นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ได้ศึกษาทั้งป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง รวมไปถึงสัตว์ป่านานาชนิด

ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ทำให้การท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานสามารถทำได้ทั้งแบบ One Day Trip และแบบค้างคืน ซึ่งสามารถเลือกได้อีกว่าจะค้างคืนแนวผจญภัยด้วยการกางเต็นท์ หรือเน้นความสะดวกสบายด้วยที่พักที่มีให้เลือกหลายระดับ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่มจริง ๆ

เครดิตภาพ: https://thailandtourismdirectory.go.th/th/file/get/file/201805155d7b9adcbe1c629ec722529dd12e5129162258.jpg

พักผ่อนและสัมผัสวิถีเกษตรแบบฉบับญี่ปุ่นที่ “Coro Field” สวนผึ้ง

หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวสายเขียวที่รักการพักผ่อนไปพร้อมกับการชื่นชมธรรมชาติ คุณจะต้องหลงรัก “Coro Field” เพราะฟาร์มแห่งนี้เต็มไปด้วยกิจกรรมที่จะนำคุณไปใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทั้งการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การอนุรักษ์ รวมไปถึงได้ลิ้มรสชาติของผลผลิตทางการเกษตรที่สดใหม่อย่างอร่อย เรียกได้ว่าเที่ยวที่เดียวครบทั้งเพลินตาและอิ่มสบายท้องกันเลย

Coro Field เป็นฟาร์มเกษตรสไตล์ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อในเรื่องการปลูก โทมิเมล่อน เมล่อนสายพันธ์พิเศษจากเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเปิดให้ท่องเที่ยวแบบ Lifestyle Farming โดยพื้นที่ฟาร์มกว่า 100 ไร่ ถูกแบ่งเป็นโซนกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย

Coro House เป็นโรงเรือนกรีนเฮาส์ขนาดใหญ่ที่เพาะปลูกโทมิเมล่อนและมะเขือเทศเชอร์รี่ฮอลแลนด์ โดยนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการควบคุมแสงแดด ความชื้น และการรดน้ำด้วยน้ำแร่ ซึ่งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนมกราคมจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมและเก็บเกี่ยวผลโทมิเมล่อนด้วยตัวเองอีกด้วย

Coro Garden เป็นแปลงเกษตรสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำกิจกรรมปลูกและเก็บเกี่ยว เริ่มจากการปลูกผักปลอดสารพิษด้วยอุปกรณ์ขนาดจิ๋วตั้งแต่การขุดหลุม นำผักลงหลุม และยังมีการตั้งชื่อให้ผักที่ปลูกเองด้วย โดยผักเหล่านี้เมื่อโตจนสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ทางฟาร์มจะนำไปแบ่งปันให้กับชุมชน ทั้งวัด โรงเรียน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือคนยากไร้ นับเป็นการปลูกผักที่ได้บุญไปในตัว ในส่วนของการเก็บเกี่ยวนั้น นักท่องเที่ยวจะได้เก็บเกี่ยวมะเขือเทศเชอร์รี่ฮอลแลนด์กลับบ้านด้วยมือตัวเองใส่ชะลอมจุกขนาดเล็กที่ทางฟาร์มเตรียมไว้ให้ นอกจากนั้นยังมีพืชผักผลไม้ประเภทอื่นที่ทางฟาร์มปลูกไว้ให้ชม อาทิเช่น มันม่วงญี่ปุ่น, ฟักทองญี่ปุ่น และแตงโมญี่ปุ่น

Coro G.I.Y. (Grow It Yourself) เป็นการจัดสวนในขวดแก้วขนาดเล็ก โดยให้นักท่องเที่ยวปลูกต้นไม้จิ๋วจำพวกต้นกระบองเพชร จำนวน 1 ต้นในขวดแก้ว โดยตกแต่งด้วยหินสีตามใจชอบ นอกจากนั้นยังมีการทำเวิร์กช็อปจัดช่อดอกไม้แห้งทำเป็นโปสการ์ด, ดินสอ และสมุดโน้ต เพื่อนำกลับไปใช้เองหรือมอบเป็นของขวัญให้คนที่คุณรัก

หลังจากทำกิจกรรมจนเหนื่อย ก็ถึงเวลาเติมพลังให้ร่างกายที่ Coro Cafe ร้านคาเฟ่แอนด์บิสโทรในรูปแบบ Japanese Fusion Food ที่นำผักและผลไม้จากฟาร์มมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหาร โดยมีเมนูให้เลือกทั้งเครื่องดื่ม, อาหารทานเล่น, อาหารจานหลัก และขนมของหวานมากมาย ซึ่งคุณต้องไม่พลาดเมนูที่ทำจากโทมิเมล่อนที่รังสรรค์พร้อมเสิร์ฟทั้งเครื่องดื่มและของหวาน นอกจากนั้นหากคุณชื่นชอบความสดอร่อยของพืชผักผลไม้ที่ผสมผสานอยู่ในเมนูทั้งคาวหวาน ก็สามารถเลือกซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่ปลูกจากไร่ Coro Field ก่อนกลับบ้านได้ที่โซน Coro Market โดยมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกทั้งโทมิเมล่อน, มะเขือเทศเชอร์รี่ฮอลแลนด์, มันม่วงญี่ปุ่น และผักสลัด รวมไปถึงผลผลิตแปรรูปอย่างเช่น ผลไม้อบแห้ง, แยมผลไม้ และน้ำสลัดแบบต่าง ๆ

Coro Field เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9 โมง โดยวันธรรมดาจะเปิดถึงเวลา 5 โมงเย็น ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดถึงเวลา 1 ทุ่มตรง โดยฟาร์มอยู่ติดถนนหลวงหมายเลข 3208 ราชบุรี-ผาปก ซึ่งหน้าทางเข้ามีโคโรคุง มาสคอตสวมชุดฟางยืนรอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน

นครสวรรค์ เมืองอาหารอร่อย พระเกจิเลื่องชื่อ ผู้คนใจดี คลาคล่ำวิถีจีน

นครสวรรค์ปากน้ำโพเมืองของนักชิม ชอบเดินเล่น รักธรรมชาติ และชอบเข้าวัด อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 240 กิโลเมตร ไม่ใกล้ไม่ไกล ความคลาสสิคอยู่ที่การข้ามสะพานเดชาติวงศ์แล้วก็จะถึงอำเภอเมือง และสะพานเดชาฯ ถือเป็นประตูสู่ภาคเหนือ เมื่อมองลงไปจากสะพานเดชาฯ จะเห็นสีแดงของแม่น้ำน่านและสีเขียวของแม่น้ำปิงไหลลู่ไปด้วยกันอย่างงดงาม เมื่อเข้ามาในตัวเมืองนครสวรรค์ ถ้าถึงช่วงกลางวัน ควรไปรับประทานมื้อเที่ยงที่ร้านนายตี๋ลูกชิ้นปลากราย 3 รส รับประกันความอร่อย แบบจำรสชาติได้ไม่ลืม เมนูที่พลาดไม่ได้ คือ ลูกชิ้นปลากรายและปอเปี๊ยะกุ้ง ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ทำได้อร่อยเป็นเอกลักษณ์ของร้าน อีกทั้งก๋วยเตี๋ยวก็อร่อยเช่นกัน หรือถ้าในเวลากลางคืน แนะนำไปร้านข้าวต้มนายเจือ เป็นร้านเก่าแก่อยู่คู่กับเมืองนครสวรรค์มานาน เข้าไปสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความขลัง และร้านนี้เป็นร้านที่ไม่มีประตู ปิดร้านเปิดร้านก็ไม่ต้องปิดประตู เปิดเผยตลอด และเรื่องอาหารก็ถือว่าสุดยอดทั้งความเร็วและความอร่อย พ่อครัวมีความเก๋าเกมส์มาก ปรุงอาหารทุกเมนูรสชาติอร่อยเด็ดขาด หรือจะร้านอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง ก็อร่อยแทบทุกร้านเพราะนครสวรรค์เป็นแหล่งรวมของอร่อย อาจจะมีการแชร์เคล็ดลับ หรือวิธีการกันก็เป็นได้ เพราะแทบทุกร้านคุณภาพดีจริง ๆ

นอกจากเรื่องอาหารแล้ว นครสวรรค์ยังเป็นเมืองเก่าที่เด่นด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม ด้านธรรมชาติก็ต้องกล่าวถึงบึงบอระเพ็ดเป็นอันดับแรก เพราะถือว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่กว้างใหญ่มากที่สุด กินพื้นที่ 3 อำเภอ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของไทยอีกด้วย ในด้านความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ สามารถชมได้ที่ทุ่งหินเทิน ซึ่งเป็นหินวางทับกันหมิ่นเหม่จะร่วงแต่ก็อยู่ในสภาพนั้นมานานแสนนานโดยฝีมือของธรรมชาติ และเมืองแห่งนี้ก็มีถ้ำเยอะ เช่น ถ้ำสวยงาม 70 กว่าถ้ำ ในอุทยานถ้ำเพชรถ้ำทอง บางถ้ำก็มีหินตามผนังสีสันแตกต่างกันไป สีเขียวมรกตบ้าง  สีแดงบ้าง สะท้อนแสงบ้าง และก็ยังมีถ้ำอีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งเป็นหลักฐานว่าปากน้ำโพเป็นชุมชนตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จริง คือ เมืองโบราณจันเสน เพราะจากหลักฐานพบว่าโบราณสถานแห่งนี้มีอายุตั้งแต่สมัยทวารวดี อีกทั้งวัตถุโบราณมากมายได้ถูกค้นพบและจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ทางด้านการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าที่อื่น เพราะกว่าจะเดินทางถึงแก่งแม่เรวา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่วงศ์ นักท่องเที่ยวก็ต้องเดิน หรือนั่งรถอีแต๊กเข้าไปเป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร และน้ำตกแม่เรวานี้ก็มีจุดตื่นเต้นที่คดเคี้ยววกวนหลายจุด ใช้เวลากว่าจะล่องแก่งถึงปลายทางก็ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง สะใจนักผจญภัยเลยทีเดียว

อีกเรื่องที่ขึ้นชื่อของนครสวรรค์ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมตำนานพระเกจิแนวหน้าของประเทศไทย ตำนานความขลังที่ถูกจารึกไว้ในคนชอบของขลังก็มาจากสถานที่แห่งนี้หลายเรื่องราว หนึ่งในนั้น คือ มีดบินหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ ยกตัวอย่างเช่น จอมพล ป. พิบูลสงคราม พกมีดวัดหนองโพไว้กับตัวท่านเอง เมื่อมีคนร้ายลอบเข้ามายิงท่านในบ้าน ปืนกลับยิงไม่ออกเพราะความขลังมีดหลวงพ่อเดิม เป็นต้น หากใครสนใจเรื่องมีดอาคม ก็สามารถไปทัศนศึกษาได้ที่วัดเขาแก้ว อำเภอพยุหคีรีได้เช่นกัน เพราะหลวงพ่อเดิมท่านสืบทอดวิชามาจากวัดเขาแก้ว นอกจากนี้ พระระดับตำนาน เช่น หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาค หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร และท่านอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ท่านเหล่านี้หากจะดูที่ความนิยมพระเครื่องที่ท่านได้สร้างไว้ในอดีต ปัจจุบันมีราคาหลักหมื่นหลักแสนกันหมดแล้ว เป็นที่เลื่องชื่อระบือนาม เสน่ห์ของจังหวัดนครสวรรค์ ที่พร้อมทุกด้าน ดึงดูดทุกคน ให้มาสัมผัสนครสวรรค์ด้วยตนเอง

 

เที่ยวกรุงเทพมหานคร เมืองอุดมความศิวิไลซ์ ไฉไลความเก่าแก่

                                ถ้านึกถึงกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดก็คือ ดงตึกสูงที่เรียงรายแข่งกัน ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง การจราจรที่แออัด ผู้คนขวักไขว่แย่งกันทั้งอาหาร ที่นั่งบนรถสาธารณะ และอากาศสำหรับหายใจ รวมถึงการแต่งกายแฟชั่นของบรรดาวัยรุ่น วัยทำงานที่เดินโฉบเฉี่ยวอวดสายตากัน แล้วพอมานึกถึงว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในกรุงเทพฯ พวกห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่าง ๆ ก็แย่งกันแสดงตัวในจินตนาการ มีทั้งของขายของกินอยู่บนห้าง ชนิดที่เรียกว่ารวมกันเอาไว้อยู่ที่เดียว แต่คิดดูดี ๆ กรุงเทพฯ อายุเมืองตั้ง 200 กว่าปี ดังนั้นของเก่าก็มีอยู่เยอะ แต่การนำเสนอต่าง ๆ รวมถึงความนิยมไปกระจุกอยู่ที่สิ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่ต่างหาก ถ้าพูดกันจริง ๆ กรุงเทพฯ นี่แหละที่เป็นเมืองเก่าอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ที่ถึงแม้บางจังหวัดจะมีโบราณสถานอายุหลายร้อยปี แต่ถ้าประวัติการตั้งเมือง ทั้งอายุและขนาดของเมืองหลวงประเทศไทย ดูจะนำหน้าเมืองอื่นอยู่มาก

ทั้งคนต่างจังหวัดที่เข้ามาในกรุงเทพมหานครระยะสั้น ๆ หรือคนที่อยู่ในกรุงเทพอยู่แล้ว จะนิยมเลือกไปสถานที่ที่เป็นสมัยใหม่มากกว่า แต่ชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศ เขาจะไปชมความเก่าแก่ เช่น วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ วัดอรุณราชวราราม เป็นต้น เพื่อซึมซับบรรยากาศความเป็นไทย ตัวอย่างที่ยกมาเป็นตัวเลือกยอดนิยมของทั้งฝรั่ง และคนไทยจำนวนมาก แต่ก็เป็นเพียงตัวเลือกที่ถือว่าจำกัด อีกทั้งยังซ้ำกันอีกด้วย ถ้าจะแนะนำฝรั่งให้ไปสถานที่แปลกแตกต่างจากนี้บ้าง ควรแนะนำอย่างเช่น วัดหงส์รัตนาราม ซึ่งเป็นวัดสร้างตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช ภายในอุโบสถงดงามอลังการอย่างยิ่ง มีพระพุทธรูปสำคัญ คือ หลวงพ่อแสน พระพุทธรูปสีดำศิลปะเชียงแสนที่ถูกอาราธนามาประดิษฐานในสยามพร้อมกันกับพระแก้วมรกต และหลวงพ่อทองคำ ที่ประดิษฐานในวิหารหลังอุโบสถ ทั้งยังมีสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงพ่อรอด (เสือ) เกจิในสมัยอยุธยาได้ลงอาคมไว้ในแผ่นหินใต้สระ และสมเด็จพระสังฆราชสุก (ไก่เถื่อน, พระอาจารย์ของสมเด็จโต พรหมรังสี) เคยเป็นเจ้าอาวาสในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นอีกด้วย

และควรไปเที่ยวย่านเมืองเก่าอย่างเช่น ย่านเสาชิงช้า ที่แค่เห็นเสาชิงช้าตั้งตระห่านก็รู้สึกถึงความขลังและคลาสสิคแล้ว และที่เสาชิงช้านี้เองก็แยกได้เป็นทาง 3 แพร่ง ซึ่งแต่ละแพร่งก็มีชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ร้านอาหารอร่อยมีเยอะ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลจีนเก่าและศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และสามารถเดินต่อไปถึงย่านเยาวราชแหล่งรวมวัฒนธรรมจีน ซึ่งเป็นศูนย์รวมสินค้า อาหาร เมืองเก่า เช่น วัดเล่งเน่ยยี่ วัดยอดนิยมของคนไทยเชื้อสายจีน แต่นักท่องเที่ยวควรไปวัดจีนแห่งแรกในไทย ที่คนรู้จักไม่มากนัก นั่นคือ วัดบำเพ็ญจีนพระ (ย่งฮกยี่) แม้จะเป็นวัดเล็กในซอยแคบ แต่ถือเป็นวัดสำคัญในประวัติศาสตร์ และมีเสน่ห์ขลังจากอายุที่อยู่มายาวนาน

ย่านเก่าแก่ในกรุงเทพมหานครนั้นมีอยู่หลายแห่ง ทั้งตลาดพลู ที่มีทางรถไฟประกอบกับอาคารเก่า และร้านอร่อย ให้ได้เดินกันเพลิน ๆ สัมผัสบรรยากาศไทย ๆ หรือไม่ก็ไปนั่งเล่นที่ตลาดชุมชนริมน้ำหัวตะเข้ ซึมซับความคลาสสิคของชุมชนไทยในช่วงยุคร้อยปีหลัง รวมถึงชุมชนกุฎีจีน ย่านพหุวัฒนธรรมเก่าแก่ ที่มีทั้งวัดกัลยาณมิตร ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ใกล้กันนั้นก็มีศาลเจ้าเกียนอันเกงของชาวฮกเกี้ยนในสมัยโบราณ มีพระแม่กวนอิม ซึ่งอัญเชิญมาจากประเทศจีนในสมัยนั้นประดิษฐานเป็นองค์ประธาน และท้ายสุดที่มีชื่อเสียงอย่างมาก คือ โบสถ์ซางตาครู้ส สร้างในปี พ.ศ. 2313 เป็นต้น

ที่เที่ยวในกรุงเทพฯ มีเยอะมาก มีครบทุกอย่าง ที่กล่าวถึงข้างต้นก็กล่าวเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่รวมสถานที่ที่น่าไปอีก เช่น วัดมหาบุศย์ ไปไหว้ย่านาคพระโขนง หรือไปวัดภาษี ไปดูศาลบุญเพ็ง (หีบเหล็ก) อาชญากรในตำนานของไทย และอื่น ๆ อีกมากมายที่คนไม่ต้องแห่ไปรวมตัวกันอยู่แค่สถานที่ยอดนิยม

 

ไปเที่ยวสวนผึ้ง ราชบุรี มีที่ไหนน่าแวะ มาดูกัน

จะมาเที่ยวราชบุรีทั้งที ก็ต้องมาดูกันหน่อยแล้วค่ะ ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ที่นี่มีที่เที่ยวชิค ๆ คูล ๆ มากมาย เหมาะกับการพักผ่อนและสำรวจ จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างนั้น เรามาดูกันเลยดีกว่า

Continue reading “ไปเที่ยวสวนผึ้ง ราชบุรี มีที่ไหนน่าแวะ มาดูกัน”