ปีนผาที่อ่าวไร่เลย์ กีฬายอดฮิตของคนรุ่นใหม่ที่รักในการผจญภัย

หลายคนมองว่าการสร้างความท้าทายในชีวิตถือเป็นสีสันอย่างหนึ่งที่ทำให้วันเวลาผ่านไปแบบไม่น่าเบื่อ ความตื่นเต้นถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นความสนุกสนานที่พบเจอได้โดยทั่วไป ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่การปีนผาจะกลายเป็นกีฬายอดฮิตในหมู่คนรุ่นใหม่ สำหรับประเทศไทยนั้นถือเป็นเรื่องโชคดีมากที่เรามีสถานที่ปีนผาที่ถือได้ว่าติดท็อปยอดนิยมของโลกในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสถานที่ปีนเขาที่สวยที่สุดในโลกอีกที่หนึ่ง

อ่าวไร่เลย์ สถานที่ปีนผาที่ไม่ได้มีดีหน้าแค่ผาที่สูงชัน

อ่าวไร่เลย์ ถ้าพูดถึงชื่อนี้หลายคนคงกำลังนึกถึงหาดทรายสีขาวและน้ำทะเลสีเขียวใสสะอาดตามสไตล์อันดามัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อยอดฮิตโดนใจคนรุ่นใหม่และสายสุขภาพไม่แพ้กันเลย นั่นก็คือการปีนผา และที่นี่ก็เป็นสถานที่สุดฮิตติดท็อปโลกของคนรักการปีนผาเป็นชีวิตจิตใจ และต้องการสร้างประสบการณ์ท้าทายในชีวิตให้กับตนเอง

โดยกิจกรรมนี้จะมีการฝึกทักษะให้กับคนที่เพิ่งจะเริ่มปีนไปจนถึงปีนในระดับที่เชี่ยวชาญแล้ว ซึ่งการปีนผาจะมีหลายระดับ ตั้งแต่ที่เรียกว่า Bouldering หรือการปีนในระดับไม่สูงมาก และจะมีการปีนไปในทางซ้ายและทางขวาเพื่อฝึกความแข็งแรง และเพื่อเตรียมร่างกายของคนที่เพิ่งจะเริ่มปีนใหม่

 ระดับ Free Climbing คือการปีนผาสูงโดยต้องมีอุปกรณ์ป้องตัวเองในการตกลงสู่พื้นดิน ซึ่งการปีนในระดับนี้ผู้ปีนจะต้องมีทักษะที่เชี่ยวชาญพอสมควร ทั้งในเรื่องของการปีนและการใช้อุปกรณ์

ส่วนอีกระดับหนึ่งเราเรียกว่า Sport Climbing มีลักษณะที่คล้ายกับ Free Climbing กีฬายอดนิยมและได้รับการติตดามสูงสุดจากสมาชิกบน Fun88 Sport แต่เนื่องด้วยมีการทำจุดเตือนเพื่อป้องกันการตกมา จึงทำให้มีความปลอดภัยกว่า และการปีนผาในประเภทนี้ก็กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาอ่าวจำนวนมาก

โดยในอ่าวไร่เลย์จะมีอยู่สองฝั่ง คือโซนฝั่งตะวันออกและตะวันตก ซึ่งในแต่ละโซนก็จะมีความยากง่ายที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่คนที่ชอบท้าทายมักจะเลือกปีนในฝั่งตะวันออก เพราะมีความยากมากกว่าทางฝั่งตะวันตก

ในการปีนเขาที่อ่าวไร่เลย์นั้น นอกจากความสูงของหน้าผาคือความเหนื่อยยากและลำบากไม่ใช่น้อยกว่าจะสามารถปีนขึ้นไปได้ แต่ของรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนักปีนเขาทุก ๆ คนก็คือวิวทิวทัศน์โดยรอบ ที่มีทั้งถ้ำอ่าวพระนาง และทะเลอันดามันที่กว้างใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เห็นภาพอันสวยงามเช่นนั้นได้ นับเป็นกำไรอย่างหนึ่งที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว

ปีนผาที่อ่าวไร่เลย์ สร้างได้ สร้างความสุข สร้างความท้าทาย

กีฬาการปีนผา ถือเป็นกีฬายอดนิยมอีกชนิดหนึ่งในปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นโชคดีสำหรับประเทศไทยที่มีสถานที่ปีนผาสวยงามและมีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะในหมู่ชาวต่างชาติ ถือเป็นเรื่องดีในการทำรายได้จำนวนไม่น้อยเข้าสู่ประเทศในการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และนอกจากนี้หากใครสนใจต้องการหาเวลาไปพักผ่อน เปลี่ยนความเหนื่อยล้าจากการทำงานเป็นความตื่นเต้นสุดมัน สามารถไปที่อ่าวไร่เลย์ได้ หรือสามารถจัดหาทริปเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางยิ่งขึ้นโดยอ่าวไร่เลย์จะเปิดให้บริการทุกวัน ถือว่าพลาดไม่ได้สำหรับคนที่อยากหาประสบการณ์ในรูปแบบของการผจญภัยและต้องการวิวสวย ๆ ของทะเลอันดามันให้ชมไปในตัว

Melbourne cup day ที่ Flemington racecourse

หากพูดถึงประเทศออสเตรเลีย เรามักจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นป่าเขียวขจีหรือน้ำทะเลที่ใสสะอาด รวมไปถึงสัตว์น้อยใหญ่ที่หายากและมีเฉพาะในออสเตรเลียเท่านั้น แต่ทว่าสำหรับคอกีฬาโดยเฉพาะกีฬาที่เกี่ยวกับการขี่ม้านั้น สิ่งแรกที่พวกเขามักจะนึกถึงก็คืองาน Melbourne cup day ซึ่งเป็นการประเพณีประจำปีที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาชื่นชมกับบรรยากาศสุดพิเศษในสนามประลองความเร็วแห่งนี้ได้ และในบทความความนี้เราจะพาผู้อ่านทุกคนไปรู้จักกับงานแข่งม้าที่ถือได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกกัน

งานแข่งม้าประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Melbourne cup day คืองานแข่งม้าประจำปีของประเทศออสเตรเลีย ที่จัดขึ้นในวันอังคารแรกของทุกเดือนพฤศจิกายน โดยงานแข่งม้าประจำปีจะถูกจัดขึ้นที่ Flemington Racecourse ซึ่งเป็นสถานที่แข่งม้าตั้งอยู่ในเมือง Melbourne รัฐวิกตอรี่ Flemington Racecourse มีอัฒจันทร์ถึง 3 ตัวและสามารถรองรับผู้คนได้ถึง 120,000 คนข้อมูลทั่วไปของ สนามแข่งม้านี้ จะมีระยะทางยาว 1,200 เมตร มีลู่วิ่งยาว 2,312 กิโลเมตร งาน Melbourne cup day ถือได้ว่ามีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลียเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลทั้งจากภายในและภายนอกของประเทศแล้ว ยังสามารถดึงดูดนักพนันทั้งหลายได้อย่างดีอีกด้วย

Fashion สุดหรูที่ Melbourne cup day ที่ Flemington

และนอกจาก Melbourne cup day จะมีงานแข่งม้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ในงานยังคงเป็นศูนย์รวมการพบปะสังสรรค์ของคนรักการเข้าสังคมตัวยงที่อยู่ในรูปแบบของงานแฟชั่นสุดหรูที่มีทั้งเซเลบริตี้และดาราชื่อดังเข้าร่วมด้วย โดยในงาน จะมีการแต่งกายในแฟชั่นที่เข้ากับฤดูกาล สวยงามแปลกตาและน่าดึงดูด ซึ่งในงานทางสังคมนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด เพราะถือเป็นซิกเนเจอร์สำคัญที่ทำให้งานดูมีสีสันสนุกสนานขึ้นมาอีกงานหนึ่ง ซึ่งคนที่ชอบกีฬาและรักแฟชั่นได้มางานนี้ถือว่าคุ้มมาก ๆ เลยทีเดียว

อัปเดตงานงาน Melbourne cup day ปี 2020

แม้ว่างานแข่งม้าถูกกำหนดให้จัดขึ้นในทุก ๆ ปี แต่เป็นที่น่าเสียดายเนื่องด้วยในปี 2020 นี้เป็นปีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งสถานการณ์ในประเทศออสเตรเลียนั้น เมือง Melbourne ยังคงอยู่ในช่วงที่เชื้อกลับมาแพร่ระบาดอีกเป็นระลอกสอง ทำให้ทาง Victoria racing club ซึ่งเป็นผู้จัดงานแข่งม้าประจำปีได้ประกาศกำหนดการว่า จะไม่อนุญให้เข้าชมการแข่งม้าที่สนาม Flemington ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์กว่า 100 ของการแข่งขัน โดยจะมีแค่เจ้าหน้าที่แข่งม้า ทีมงาน จ๊อกกิ้งม้า และนักข่าวเท่านั้นที่อนุญาตให้เข้าไปในสนามได้ แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ทำให้ใครหลายคนอดไปดูการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่แต่อย่างที่ได้เกริ่นไปเมื่อข้างต้นแล้วว่า การแข่งขันม้าประจำปีนั้นมีทุกปีและหากว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น ในปีหน้าเราก็คงจะได้เห็นความคึกคักและความตื่นเต้นในเทศกาลแข่งม้ากลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน

รึงราโด สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ประเทศเกาหลีเหนือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากไทยเราเท่าไหร่นัก แต่ด้วยสภาพการเมืองการปกครองและกฎระเบียบที่ซับซ้อน ประกอบกับในสมัยก่อนเกาหลีเหนือได้ทำการปิดประเทศไม่ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เข้าไปเที่ยวชมภายในประเทศ จึงทำให้หลายคนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกาหลีเหนือเท่าไหร่นัก นอกจากกองกำลังทางทหารและอาวุธนิวเคลียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกประเทศหนึ่ง แต่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วในกรุงเปียงยางยังมีสนามกีฬาที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ และในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ รึงราโด สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกกัน

รึงราโด สนามกีฬาที่ไม่ได้ใช้แค่แข่งขันกีฬาเพียงเท่านั้น

รึงราโด หรือ อีกชื่อหนึ่งก็คือ เมย์เดย์ สเตเดียม เป็นสนามกีฬาที่ตั้งอยู่ในกรุงเปียงยางประเทศเกาหลีเหนือ เหตุผลที่สนามกีฬาแห่งนี้ถูกจัดเป็นอันดับหนึ่งของสนามกีฬาทั่วโลกที่ใหญ่ที่สุดนั้นก็เป็นเพราะว่า รึงราโด มีพื้นที่กว่า 50 เอเคอร์ หรือประมาณ 2,063,807 ตารางเมตร มีความจุต่อที่นั่งอยู่ที่ 114,000 ที่นั่ง ในส่วนของรูปร่างนั้นจะมีลักษณะที่คล้ายกับกลีบดอกแมกโนเลีย เรียงต่อกันเป็นวงกลม

แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าวัตถุประสงค์เริ่มแรกของการสร้างสนามกีฬาแห่งนี้ก็เพื่อใช้ในการแข่งขันกีฬา รวมถึงการแสดงต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันรึงราโดกลับถูกใช้ในเรื่องของการแสดงงานเทศกาลอารีรังมากกว่าการแข่งกีฬาเสียอีก เพราะในส่วนของการแข่งขันกีฬาก็มีเพียงแค่ฟุตบอลและกรีฑาบ้างเพียงเท่านั้น เมื่อได้มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่างานเทศกาลอารีรังคืออะไร เราจะขอเกริ่นเพียงเล็กน้อยว่าเป็นงานแสดงการร่ายรำและกายกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาหลีเหนือ และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกจากการบันทึกของสถิติโลกกินเนสส์ ในปี พ.ศ. 2550โดยการแสดงเทศกาลอารีรังจะเป็นการบอกผ่านเรื่องราวความเป็นมาอันความเจ็บปวดและการต่อสู้จนได้มาซึ่งการยืนหยัดเป็นประเทศได้ในทุกวันนี้ผ่านบทเพลงอารีรัง โดยในเทศกาลจะมีการเฉลิมฉลองในช่วงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี ซึ่งล่าสุด ในปี 2562 เทศกาลอารีรังได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเทศกาลประเทศของประชาชน

นอกจากนี้ สนามกีฬารึงราโด ยังมีประวัติศาสตร์น่าอันหดหู่ เกี่ยวกับการประหารชีวิตทหารผู้เป็นกบฏต่อแผ่นดิน ในช่วงปี 90 โดยจะมีการนำนักโทษเหล่านั้นมาประหารชีวิตด้วยการย่างสดที่สนามกีฬารึงราโดแห่งนี้นั่นเอง

รึงราโดเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้หรือไม่

ถึงแม้ว่าในสมัยก่อนเกาหลีเหนือจะไม่ได้เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมรึงราโด รวมทั้งงานเทศกาลต่าง ๆ ที่จัดอยู่ภายในสนามกีฬาแห่งนี้ แต่ในปัจจุบันทางรัฐบาลเกาหลีเหนือก็ได้มีการผ่อนปรนอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะได้เข้าไปชมความเป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของประเทศเกาหลีเหนือ รวมถึงสนามกีฬารึงราโดที่ถูกขนานนามว่าใหญ่ที่สุดในโลกด้วย

KUKKIWON สถาบันเทควันโดระดับโลก

สำหรับประเทศเกาหลีใต้นั้น ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับการพัฒนาไปในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีหรืออุตสาหกรรมบันเทิงที่สร้างชื่อเสียงไปไกลถึงระดับโลก และได้รับการตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม อีกหนึ่งเรื่องเลยที่โด่งดังไม่แพ้กันคือเรื่องของศิลปะป้องกันตัวอย่างเทควันโด ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในประเทศเกาหลีใต้และเป็นกีฬายอดนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ เพราะว่ากันว่าสามารถป้องกันตัวเองในบ้างในสถานการณ์ที่คับขันได้

แต่ถ้าพูดถึงของการเรียนเทควันโดนั้น อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่านอกจากจะต้องฝึกฝนอย่างหนัก ยังคงมีการสอบขึ้นสายที่ขึ้นชื่อในเรื่องความยากและต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะได้ขึ้นไปจนถึงสายดำ ซึ่งเราจะพาไปทำความรู้จักกับ KUKKIWON สถานบันเทควันโดที่เป็นศูนย์ใหญ่ระดับโลกและยังเป็นบ้านของนักเรียนเทควันโดคนดังหลายคนกัน

 ความมีคุณภาพของ KUKKIWON ที่ได้รับการการันตีไปทั่วโลก

KUKKIWON หรือสำนัก KUKKIWON ถือเป็นสถาบันเทควันโดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่กรุงโซลซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1972 เพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจเรียนศิลปะป้องกันตัว

โดยสำนัก KUKKIWON จะอยู่ในความดูแลของกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของเกาหลี และกองกีฬาระหว่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน สำนัก KUKKIWON ได้เปลี่ยนชื่อเป็น KUKKIWON ACADEMY โดยจะทำหน้าที่ในการตั้งกฎเกี่ยวกับการสอบสายและออกสายดำ

ซึ่งต้องขอเกริ่นก่อนว่าในเกาหลีนั้นจะไม่มีสายน้ำตาลเหมือนกับในประเทศไทย และในการสอบเปลี่ยนสายของนักเรียนเทควันโดจะไล่ไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่สายเหลืองไปจนถึงสายดำ โดยในการสอบสายแต่ละครั้งจะต้องมีคุณวุฒิดั้ง 4-10 และมีรหัสอนุญาตจาก KUKKIWON ซึ่งในตรงนี้เราจะเห็นถึงการให้ความสำคัญของผู้สอบที่ต้องมาจาก KUKKIWONเท่านั้น ถือเป็นการการันตีคุณภาพที่ยิ่งใหญ่ของสถาบันแห่งนี้ รวมถึงความโด่งดังและความมีคุณภาพของสถาบันอีกด้วย

หากใครที่มีความสนใจในเรื่องของเทควันโด และกำลังมองหาที่เรียนเทควันโดอยู่ แม้ว่าเราจะไม่สามารถบินไปเรียนไกลได้ถึงเกาหลี เราก็สามารถเรียนได้ที่ประเทศไทยเหมือนกัน เพราะที่ไทยยังคงมีโค้ชสอนที่มีคุณภาพและมีใบประกาศอบรมจากสำนักกุกกิวอน หรือหากต้องการเรียนรู้จากสถาบัน KUKKIWON โดยตรง ทางสถาบันยังมีการอบรมให้กับชาวต่างชาติอยู่ด้วย และถ้าหากสนใจสามารถติดต่อสอบทางได้ทั้งทางแฟนเพจเฟซบุ๊กและทางเว็บไซต์ของ KUKKIWON ได้เลย โดยราคาเรียนจะอยู่ที่โปรแกรมละประมาณ 20,000 วอน และทางสถาบันจะทำการสอนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาเกาหลีเท่านั้น

KUKKIWON ACADEMY ถือเป็นสถาบันฝึกเทควันโดที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดในโลกโดยสถาบันแห่งนี้ได้รับการันตีคุณภาพและได้รับการยอมรับจากทั้งโลก ว่าเป็นโรงเรียนสอนเทควันโดที่ดีที่สุด ซึ่งหากใครได้ใบประกาศการออกจากสถาบันหรือใบประกาศการฝึกอบรมจากสถาบันแห่งนี้ ก็จะถือเป็นว่าเป็นนักเทควันโดที่มีคุณภาพและได้รับการยอมรับในการประกอบอาชีพและในการแข่งขันต่าง ๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากเราจะเห็นปรมาจารย์ด้านเทควันโดหลายท่านจบการอบรมมากจากสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งนี้

โคชิเอ็ง จากชื่อสนามกีฬา สู่การแข่งขันเบสบอลชื่อดังของญี่ปุ่น

หากพูดถึงกีฬาเบสบอล หลายคนคงคิดว่ากีฬาชนิดนี้ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นแน่ ๆ แต่แท้ที่จริงแล้วรู้หรือไม่ว่าเบสบอลไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่นแต่อย่างใด กีฬาชนิดนี้ในสมัยก่อนเคยเป็นเพียงกีฬาที่ชาวอเมริกันหลายคนใช้เล่นในยามว่างเพื่อฆ่าเวลาในแต่ละวัน แต่ทว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปกลับกลายมาเป็นกีฬายอดฮิตถึงแดนดินอาทิตย์อุทัยเสียอย่างนั้น หากถามว่าฮิตกันถึงขนาดไหน ในประเทศญี่ปุ่นเบสบอลถึงขั้นติดโผอันดับหนึ่งกีฬายอดฮิตของคนในประเทศเลยก็ว่าได้ และหนึ่งในรายการแข่งขันที่มีคนพูดถึงกันมากที่สุด เห็นจะไม่พ้น การแข่งขันเบสบอลระดับมัธยมปลายของประเทศที่โคชิเอ็ง การแข่งขันเบสบอลที่โคชิเอ็ง ถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ถูกพูดถึงในระดับ เดียวกันกับการแข่งขันลีกหลายรายการ ซึ่งเราจะพาไปชมการแข่งขันที่ถือได้ว่ายิ่งใหญ่มากที่สุดอีกรายการหนึ่งระดับประเทศกัน

การย่างก้าวเข้าสู่การแข่งขันเบสบอลระดับมัธยมปลายที่โคชิเอ็ง        

การแข่งขันเบสบอลระดับมัธยมปลายโคชิเอ็ง ถือเป็นการแข่งขันยอดนิยมของประเทศญี่ปุ่นที่มีความยิ่งใหญ่และโด่งดังไม่แพ้กับการแข่งเบสบอลรายการใหญ่ของประเทศที่มักได้รับการเสนอราคาต่อรองจาก Fun88 โดยการแข่งขันรายการนี้ถูกจัดขึ้นในทุกฤดูร้อนที่โคชิเอ็งสเตเดียม จังหวัดเฮียวโงะ หรือในอีกชื่อหนึ่งก็คือเมืองโกเบ โดยสเตเดียมแห่งนี้นอกจากจะสามารถจุคนได้กว่า 80,000 คนแล้ว ยังคงบรรจุความฝันของวัยรุ่นหลาย ๆ คนเอาไว้รวมกันอีกด้วย

ซึ่งในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ จะมีคนรอชมการแข่งขันสูงถึง 50,000 คน และนอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดสดออกอากาศทางโทรทัศน์ที่มีผู้ให้ความสนใจเป็นล้าน ๆ คนเลยทีเดียว ความยิ่งใหญ่ของการแข่งขันเบสบอลนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กมัธยมปลายซึ่งเป็นนักกีฬามือสมัครเล่น จะกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติญี่ปุ่นในอนาคต

การแข่งขันเบสบอลโคชิเอ็งถือเป็นอีกไฮไลท์หนึ่งในจังหวัดเฮียวโงะ นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์อย่างปราสาทฮิเมจิ แน่นอนว่าการแข่งขันนี้เป็นปลายทางในการท่องเที่ยวของใครอีกหลายคนที่เป็นแฟนตัวยงของกีฬาเบสบอล และแฟนตัวยงของการ์ตูนญี่ปุ่นในอีกหลายเรื่อง ซึ่งได้หยิบยกเอาความฮอตฮิตของเบสบอลโคชิเอ็งมาเป็นฉากหลังของบางตอนในการ์ตูนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคนด้วย หากใครที่สนใจเข้าชมการแข่งขันเบสบอลโคชิเอ็ง และอยากท่องเที่ยวในเชิงโบราณสถานศึกษาไปด้วย เมืองอาเบถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย

ความฝันที่เก็บไว้และถูกปล่อยมาออกที่ โคชิเอ็ง

แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การแข่งขันของเด็กมัธยมปลายที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเหมือนกับนักกีฬาเบสบอลคนอื่น ๆ ที่เราต่างรู้จัก แต่เด็กทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันก็ได้แบกเอาความฝันของตัวเองมาเป็นแรงฮึดเพื่อเดินตามเส้นทางที่ตัวเองรัก ซึ่งไม่แน่ว่านักกีฬาที่เราเห็นกันในสนามแข่งโคชิเอ็งอาจจะกลายเป็นหนึ่งในทีมชาติที่สร้างชื่อเสียงไปไกลถึงระดับโลกเลยก็เป็นได้

Wembley stadium สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษ

เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนที่มีความฝันอยากจะไปเยือนประเทศอังกฤษสักครั้งหนึ่งในชีวิตนั้น จะต้องมีคนที่อยากไปเที่ยวชมดูการแข่งขันฟุตบอลทีมโปรดในดวงใจแน่ ๆ เพราะหนึ่งในสิ่งที่โด่งดังที่สุดของประเทศอังกฤษก็คือทีมฟุตบอลที่มีชื่อเสียงกว้างไกลและสร้างฐานแฟนคลับจำนวนมหาศาลไว้ทั่วโลก และในบทความนี้เราจะพาทุกคนทัวร์ชม Wembley stadium ซึ่งเป็นสนามกีฬาที่คอนักแตะลูกหนังแทบจะทุกคนต้องรู้จัก

Wembley stadium กับ ลีกในดวงใจของใครหลาย ๆ คน

Wembley Stadium หรืออีกชื่อก็คือ New Wembley เหตุผลที่เรียกชื่อนี้เป็นเพราะว่าสนามกีฬาได้ถูกสร้างใหม่ขึ้นอีกครั้งแทนสนามกีฬาเดิม ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 2007 ซึ่งถือเป็นสนามกีฬาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอังกฤษ และมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สองของยุโรป (รองจากสนามกีฬากัมนอว์ของทีมสโมสรบาร์เซโลน่า) โดยสนาม Wembley มีความจุอยู่ที่ 90,000 คน สำหรับผู้เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลและขนาดสนามของ Wembley นั้นถือว่าเป็นมาตรฐานของสนามแข่งฟุตบอลยูฟ่า คือ 105 X 68 เมตร

ส่วนในความโดดเด่นของสนามกีฬา Wembley เราจะสามารถมองเห็นหลังคาที่สูงมาก และได้รับการขนานนามว่าเป็นหลังคาสนามกีฬาที่สูงที่สุดในโลก โดย Wembley stadium นั้นอยู่ในความดูแลของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ และถูกเปิดใช้สนามในครั้งแรกในปี 2007 คือการแข่งขัน FA CUP 2007 และในปี 1966 ก่อนหน้าที่สนามกีฬาแห่งนี้จะถูกสร้างใหม่อีกครั้ง สนาม Wembley ก็ยังเคยเป็นสนามแข่งหลักในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 1966 ที่ประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันอีกด้วย นอกจากนี้ซิกเนเจอร์อีกหนึ่งที่ของ Wembley stadium ซึ่งยืนเด่นอยู่หน้าสนามเลยก็คือ รูปปั้นของบ็อบบี มัวร์ เขาคนนี้ก็คือกัปตันทีมชาติอังกฤษที่พาทีมคว้าชัยในการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 1966 นั่นเอง

นอกเหนือจากการชมการแข่งขันกีฬาแล้ว ภายใน Stadium แห่งนี้ ยังคงมีร้านขายของที่คอนักบอลจะต้องไม่พลาด กับสินค้าหลากหลายอย่างที่เกี่ยวกับฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นเสื้อของทีมโปรด ป้าย หรือผ้าพันคอ ซึ่งสามารถเลือกซื้อได้อย่างจุใจ เป็นของที่ระลึกกลับไปอวดเพื่อนที่ไทยได้เลยทีเดียว และหากใครที่เป็นกังวลเกี่ยวกับที่พักกลัวว่าจะลำบากในการหาหรือกลัวว่าจะไม่มีที่พักอยู่แถวนั้น ต้องบอกเลยว่าอย่าได้กังวลไป เพราะมีโรงแรมอยู่มากมายใกล้กับสเตเดียมแห่งนี้ โดยใช้เวลาไม่กี่นาทีก็สามารถมาถึง Wembley stadium ได้อย่างไม่ยากเกินความสามารถ

แต่ทั้งนี้ในฤดูกาลแข่งขันการจองที่พักถือว่าจะต้องใช้ความรวดเร็วพอตัว เพราะในแต่ละการแข่งขันไม่ได้มีเพียงแค่เราเท่านั้นที่อยากชมเชียร์ทีมโปรดในดวงใจ ยังคงมีแฟนนักบอลอีกหลายหมื่นคนทั่วโลกที่ต่างมารวมตัวกันในสเตเดียมแห่งนี้ เพื่อเชียร์ทีมโปรดของตัวเองอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องการจองที่พักหรือแม้กระทั่งการซื้อบัตรเพื่อเข้าชม จะต้องทำการบ้านมาดีพอสมควร เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้ทริปที่ฝันล่มไปในพริบตา

อย่างไรก็ตามการเข้าชมการแข่งขันกีฬาที่ Wembley stadium อาจเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คนแต่ทั้งนี้ มารยาทในการเข้าชมการแข่งขันกีฬาถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แม้ว่าจะมีโอกาสได้ไปชมการแข่งขันถึงสเตเดียม แต่การให้เกียรติสถานที่ถือเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษากฎระเบียบและถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้เข้าชมกีฬาท่านอื่น ๆ ด้วย

สนามมวยลุมพินี สนามมวยมาตรฐานสู่สนามแข่งขันระดับโลก

สำหรับประเทศไทย “มวย” ถือว่าเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากทั้งคนไทยเอง และชาวต่างชาติอย่างล้นหลาม จะเห็นได้จากกางเกงมวยที่ถือเป็นซิกเนเจอร์หลัก ๆ ที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวคนไหนได้เดินทางมาประเทศไทยจะต้องรู้จักเป็นแน่แท้  อีกทั้งมวยไทย ยังถือเป็นชนิดกีฬาที่สร้างชื่อเสียงกึกก้องไปไกลทั่วโลก ทั้งในเรื่องของศิลปะมวยไทย การต่อสู้แบบมวยไทย ถึงขั้นที่นักท่องเที่ยวคอกีฬาบางคนจัดทริปมาเที่ยวไทยเพื่อดูการแข่งขันมวยไทยโดยเฉพาะ และในบทความนี้เราจะพาคอกีฬามวยมาทำความรู้จักกับ สนามมวยลุมพินี หนึ่งในสถานที่ที่คอกีฬามวยไทยจัดให้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุด

มาทำความรู้จักกับ สนามมวยสวนลุมพินี สถานที่ฮอตฮิตของคนรักมวย

สนามมวยลุมพินี ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2499 โดยพันตรีประภาส จารุเสถียร ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกองทัพบก ถือได้ว่าเป็นสนามมวยมาตรฐานแห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับสนามมวยราชดำเนิน

ซึ่งนอกเหนือจากสนามมวยแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสนามในการแข่งขันมวยไทยแล้ว สนามมวยลุมพินียังถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เคยจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลกมาก่อนในปี 2503 โดยวัตถุประสงค์หลัก ๆ ในการสร้างสนามมวยลุมพินีขึ้นมาก็เพื่อใช้ในการปั้นนักกีฬามวยมาสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้

ลักษณะทั่วไปของสนามมวยนั้นจะมีทั้งหมด 3 อาคาร ภายในอาคารแข่งขัน หรือที่เรียกว่าสนามมวยลุมพินีจะมีพื้นที่สามารถจุคนได้ประมาณ 5,000 คน แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ในส่วนของสนามแข่งมวย จะมีเวทีสังเวียนตั้งอยู่ตรงกลางและรายล้อมไปด้วยอัฒจันทร์เชียร์ที่จะมีผู้เข้าชมนั่งอยู่โดยรอบ ซึ่งหากผู้ใดที่ถือโอกาสมาชมมวยไปด้วยอยากทัศนศึกษาความเป็นมาของมวยไปพลาง ทางสนามมวยสวนลุมพินียังมีพิพิธภัณฑ์มวยไทย รวมถึงลานวัฒนธรรมสำหรับใช้แสดงกิจกรรมและฝึกซ้อมมวยไทยอยู่ โดยในตัวพิพิธภัณฑ์จะตั้งอยู่ตรงชั้นหนึ่งของอาคารสนามมวยลุมพินี ส่วนลานวัฒนธรรมจะตั้งอยู่บริเวณอาคารจอดรถ ซึ่งนอกจากนั้นตัวอาคารจอดรถยังคงมีร้านขายของเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับแฟนมวยทุกคน โดยไม่ต้องกังวลว่าหากหิวจะต้องขับรถออกไปเพื่อหาของกินข้างนอก

ในปัจจุบันสนามมวยลุมพินีจะตั้งอยู่ที่ถนนรามอินทรา อนุสาวรีย์เขตบางเขน สามารถเดินทางได้โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวเนื่องจากบริเวณสนามมวยมีลานจอดรถขนาดใหญ่สามารถรองรับรถยนต์ของผู้เข้าชมได้หลายคัน หรือจะใช้การเดินทางขนส่งสาธารณะ อย่างเช่น รถไฟฟ้าโดยลงสถานีราชเทวี แล้วสามารถต่อแท็กซี่ไปหรือจะลงเรือที่ตลาดโบ๊เบ๊ แล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์ไปอีกได้ตามแต่สะดวก

สถานการณ์โควิดกับสนามมวยลุมพินี

สำหรับสถานการณ์ที่ผ่านมาของสนามมวยสวนลุมพินีนั้น ถือเป็นกระแสตื่นตัวของสังคมไทยไม่น้อย จากการพบผู้ติดเชื้อที่อยู่ภายในสนามมวยแห่งนี้ ทำให้ทางสนามมวยได้ปิดเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเป็นเวลา 18 วัน นับแต่วันที่ 13 มีนาคมไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม และในปัจจุบันสนามมวยลุมพินีได้เปิดทำการตามปกติโดยจะมีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อใช้ในการควบคุมโรคต่อไป

โคลอสเซียม จากสนามกีฬาสู่เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ที่โลกไม่ลืม

ประเทศอิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามและมีกลิ่นอายของความคลาสสิคในยุคประวัติศาสตร์อีกที่หนึ่งของโลก ซึ่งหากใครได้ทำความรู้จักประเทศนี้เพิ่มมากขึ้น จะรู้เลยว่าอิตาลีเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีฉากหลังเป็นเมืองใหญ่ หนึ่งในต้นกำเนิดความมีอารยธรรมของโลกใบนี้ แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงประเทศอิตาลี หลายคนคงจะนึกถึงวิหารมิลานที่สวยงาม และอีกหลายคนคงจะนึกถึงโคลอสเซียม ซึ่งนอกจากจะเป็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ใครหลายคนต่างตั้งความหวังอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต วิหารโคลอสเซียมยังถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสำคัญอย่างมากในด้านกีฬา เพราะในอดีตโคลอสเซียมแห่งนี้เคยเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ในกรุงโรมมาก่อน และถือเป็นสนามกีฬาในยุคนั้นที่ใหญ่โตที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ประวัติศาตร์โดยคร่าวของการก่อตั้งโคลอสเซียม ดินแดนแห่งศึกสังเวียนและการนองเลือด

โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยสนามกีฬาโบราณแห่งนี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 80 ซึ่งเป็นช่วงที่จักรพรรดิไททัสปกครองอยู่ โดยวัตถุประสงค์ของการสร้างโคลอสเซียมนั้นก็เพื่อใช้ในการประลองฝีมือของเหล่ากลาดิเอเตอร์ หรือการประลองกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย ส่วนระยะเวลาในการสร้างสนามกีฬาแห่งนี้ได้ใช้เวลาเพียงแค่ 10 ปี ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความใหญ่โตมโหฬารของมัน

สำหรับในส่วนของสนามกีฬานั้นจะมีอัฒจันทร์ที่ก่อด้วยอิฐและหินทรายเป็นรูปวงกลม สามารถจุคนได้มากถึง 50,000 คน และผู้ออกแบบยังสร้างทางระบายน้ำเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมสนามในช่วงที่มีฝนตก ซึ่งในปัจจุบันทางระบายน้ำที่ถูกสร้างขึ้นก็ได้กลายมาเป็นต้นแบบของการสร้างสนามกีฬาอื่น ๆ

นอกจากนี้ยังมีความจริงอีกอย่างหนึ่งที่ควรรู้ของสนามกีฬาโคลอสเซียม ก็คือสนามกีฬาแห่งนี้ถือเป็นสนามกีฬาที่แพงที่สุดและใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างสนามกีฬามาด้วย และถึงแม้ว่าการแข่งขันกีฬาภายในโคลอสเซียมซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาที่มีเดิมพันเป็นชีวิตหรือการต่อสู้กับสัตว์ป่าที่ดุร้าย ซึ่งหลายคนจะถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างป่าเถื่อนและเป็นการทารุณกรรมสัตว์อย่างหนึ่ง แต่ในปัจจุบันสนามกีฬาแห่งนี้ก็ได้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านโทษประหาร ซึ่งภายในบริเวณโคลอสเซียมจะมีไฟสีเหลืองคอยส่องสว่างในทุกครั้งที่มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตทุกที่บนโลก

เยี่ยมชม โคลอสเซียม หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ด้วยความที่สนามกีฬาโบราณแห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันกับความมโหฬารอลังการที่ถูกถ่ายทอดผ่านสายตาประชากรโลกกว่าหลายล้านคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดที่โคลอสเซียมแห่งนี้จะกลายเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจากการลงคะแนนของประชากรผ่านทางโซเชียลและโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในปัจจุบันยังคงเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30-19.00 โดยตั๋วเข้าชมจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ตั๋วเข้าชมแบบมีไกด์ซึ่งจะมีราคา 17 ยูโร และตั๋วเข้าชมแบบไม่มีไกด์จะมีราคา 16 ยูโร ซึ่งหากใครสนใจสามารถซื้อตั๋วที่ Roman Pass หรือจะซื้อตั๋วออนไลน์ผ่านทาง coopculture.it ก็ได้ตามที่สะดวก

Wimbledon tennis กับความเก่าแก่ที่มีมายาวนานกว่า 100 ปี

กรุงลอนดอน มหานครแห่งแสงสี หนึ่งในความใฝ่ฝันของใครหลาย ๆ คน ที่อยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต นอกจากความฮิปที่ถูกถ่ายทอดออกมาสู่สายตาประชาโลกผ่านแลนมาร์คสำคัญอันเป็นจุดเด่น ที่บอกได้ว่าคุณมาถึงลอนดอนแล้วอย่างลอนดอนอาย เมืองผู้ดีแห่งนี้ยังคงซ่อนความคลาสสิคและเก่าแก่เอาไว้ในรูปแบบของการแข่งขันกีฬา ที่ถือได้ว่า ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง Wimbledon ซึ่งเราจะพาทัวร์ชมการแข่งขันเทนนิสที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งจะเกิดขึ้นในทุก ๆ ปีที่ ย่าน Wimbledon กัน

ทำความรู้จักกับ เทนนิส Wimbledon ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษ

 การแข่งขันเทนนิส Wimbledon ถือเป็นการแข่งขันเทนนิสที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในทุก ๆ ปีระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม ที่ย่าน Wimbledon กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ส่วนเหตุผลที่ทำให้การแข่งขันเทนนิสนี้มีความเก่าแก่ที่สุด นั่นก็เป็นเพราะว่าการแข่งขันมีมาแล้วกว่า 143 ปี นับตั้งแต่มีการแข่งขันครั้งแรกในปี 1877 ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้การแข่งขันโดดเด่นและแตกต่างไปจากจากการแข่งขันเทนนิสทั่วไป คือ การแข่งขันเทนนิส Wimbledon เป็นการแข่งขันที่ยังคงความเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน เช่น นักกีฬาจะต้องสวมชุดสีขาวในการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นกฎที่ค่อนข้างเนี๊ยบและเข้มงวดอยู่ไม่น้อยเมื่อเทียบกับการแข่งขันเทนนิสทั่วไป ซึ่งนอกจากที่ชุดจะต้องเป็นสีขาวล้วนแล้ว รองเท้าสำหรับการแข่งขัน รวมทั้งเครื่องประดับต่าง ๆ เช่นผ้าคาดศีรษะหรือหมวกก็จะต้องเป็นสีขาวด้วยเช่นกัน

และเนื่องจากที่การแข่งขันค่อนข้างมีความเข้มงวดในเรื่องของการแต่งกายให้ถูกระเบียบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะใครหลายคนจะปฏิบัติตามได้แบบครบถ้วน จึงได้มีการอนุโลมหากผู้เข้าแข่งขันมีคามจำเป็น ซึ่งจะใส่เป็นสีครีมด้วยก็ได้ นอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ก็คือการใช้คอร์ทหญ้าในการแข่งขัน ซึ่งในปัจจุบันเราจะเห็นการแข่งขันเทนนิสมักอยู่ในร่มและเป็นพื้นคอนกรีตเสียส่วนใหญ่ ซึ่งการเด้งของลูกเทนนิสในสนามหญ้าจะแตกต่างกันออกไปตามสภาพอากาศ ประกอบกับเป็นพื้นที่เป็นสนามหญ้า จึงทำให้การแข่งขันมีรูปแบบของการเล่นที่ค่อนข้างหนักหน่วงอยู่ไม่น้อย

ในส่วนอัฒจันทร์ที่เชียร์กีฬาสามารถจุคนได้ทั้งหมดอยู่ที่ 30,000-40,000 คนเท่านั้น ซึ่งหากใครที่ต้องการเข้าชมการแข่งขันก็จะต้องรีบทำการซื้อบัตร เนื่องจากว่าการแข่งขันได้รับความนิยมที่สูงมาก และมีผู้ซื้อบัตรเป็นจำนวนมหาศาล โดยสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ tickermaster.co.uk หรือสามารถเข้าคิวซื้อบัตรที่หน้าสนามด้วยก็ได้

สถานการณ์การแข่งขันเทนนิส Wimbledon ปี 2020

ตามปกติการแข่งขันเทนนิส Wimbledon จะดำเนินการแข่งขันในทุก ๆ ปี แต่เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้การแข่งขันกีฬาเทนนิสในปีนี้ เป็นอันต้องถูกยกเลิกไป ซึ่งสร้างความเสียดายให้กับผู้เฝ้ารอไปชมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดีขึ้น ปี 2564 เราอาจได้กลับมาเห็นความคักคัก อีกครั้งการการแข่งขันเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและทั่วทั้งโลกต่างรอคอยกัน

เจดีย์ขาวบนยอดเขาสูงเสียดฟ้า…Unseen Thailand แห่งเมืองลำปาง

ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการยกย่องให้เป็น Unseen Thailand สำหรับ “วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์” โดยวัดแห่งนี้มีจุดเด่นเป็นเจดีย์สีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูง และวิวทิวทัศน์ที่สวยงามหลักล้านด้วยมุมมองแบบ Bird Eye View

วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า “วัดพระบาทปู่ผาแดง” ตั้งอยู่ที่อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง บนภูเขาใหญ่ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท ซึ่งบนยอดเขาแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทอันเป็นที่เคารพบูชาของชาวเมืองแจ้ห่มมาช้านานประดิษฐานอยู่ เดิมทีทางเดินขึ้นเขาสักการะรอยพระพุทธบาทนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องบุกป่าฝ่าดงและปีนป่ายหน้าผาชัน จนกระทั้งเมื่อหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล (พระเทพวิสุทธิญาณ) เดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทด้วยการเดินเท้าแล้วเกิดความศรัทธาจึงเป็นที่มาของการสร้างวัดขึ้น ประกอบกับเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสมภพครบ 200 ปี คณะสงฆ์จึงมีมติสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ ในบริเวณใกล้เคียงรอยพระพุทธบาท เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทย และได้ทำการพัฒนาเส้นทางสักการะรอยพระพุทธบาทให้มีความสะดวกสบายขึ้น

วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ มีการสร้างอุโบสถรูปแบบล้านนา ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระนิรันตรายองค์จำลอง พระพุทธรูปประจำพระองค์ของร.4 ในการเดินทางขึ้นไปสักการะบูชารอยพระพุทธบาทจะต้องนั่งรถโดยสารโฟร์วีลเท่านั้น เนื่องจากถนนมีความลาดชันสูงจึงต้องใช้ความชำนาญอย่างมากในการขับขี่และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขับรถส่วนตัวขึ้นเขาเอง โดยต้องนั่งรถโดยสารเป็นเวลา 30 นาที จากนั้นจะเป็นการเดินเท้าขึ้นบันไดกว่า 300 ขั้น ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งด้วยความลาดชันอาจต้องใช้เวลาในการเดินทางอีก 20-30 นาที แต่เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาก็พบกับจุดชมวิวอันสวยงามตระการตาด้วยมุมมองแบบ 360 องศา สามารถมองลงไปเห็นอำเภอแจ้ห่มชนิดสุดลูกหูลูกตา

โดยจุดชมวิวแห่งนี้จะมีทางเลือกอยู่ 2 เส้นทาง ทางขวาจะนำไปสักการะองค์พระธาตุฐานเจดีย์สีขาวประดับด้วยกระจกสีระยิบระยับและมียอดเจดีย์เป็นสีทอง โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม ส่วนทางซ้ายจะพาไปสู่ศาลาสวดมนต์ อันเป็นสถานที่ที่พระสงฆ์จะขึ้นมาสวดมนต์ทุกวันแรม 8 ค่ำ ซึ่งที่นี่เองเป็นมุม Unseen ที่เราตามหา โดยจะได้เห็นเจดีย์สีขาวที่บรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์กระจายตัวอยู่บนชะง่อนผาฝั่งตรงข้าม และมีองค์พระธาตุสีทองบนยอดเขาทางด้านข้าง ซึ่งเจดีย์เหล่านี้เกิดจากแรงศรัทธาของชาวบ้านที่ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างเจดีย์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แม้จะต้องเดินทางและทำการก่อสร้างด้วยความยากลำบากเพียงใดก็ตาม แสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาที่สามารถสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นได้

การเดินทางมาพบความมหัศจรรย์แห่งเมืองลำปางนี้ ต้องพบเจอความยากลำบากอย่างมาก ดังนั้นนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมเผชิญกับเส้นทางหฤโหด แต่รับรองว่าเมื่อถึงจุดหมายแล้ววิวทิวทัศน์ที่ทุกคนจะได้สัมผัสช่างคุ้มค่าเหลือเกิน

เครดิตภาพ: http://www.jjkt-tour.com/wp-content/uploads/2017/06/maxresdefault-1-1400×788.jpg