รึงราโด สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ประเทศเกาหลีเหนือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากไทยเราเท่าไหร่นัก แต่ด้วยสภาพการเมืองการปกครองและกฎระเบียบที่ซับซ้อน ประกอบกับในสมัยก่อนเกาหลีเหนือได้ทำการปิดประเทศไม่ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เข้าไปเที่ยวชมภายในประเทศ จึงทำให้หลายคนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกาหลีเหนือเท่าไหร่นัก นอกจากกองกำลังทางทหารและอาวุธนิวเคลียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกประเทศหนึ่ง แต่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วในกรุงเปียงยางยังมีสนามกีฬาที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ และในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ รึงราโด สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกกัน

รึงราโด สนามกีฬาที่ไม่ได้ใช้แค่แข่งขันกีฬาเพียงเท่านั้น

รึงราโด หรือ อีกชื่อหนึ่งก็คือ เมย์เดย์ สเตเดียม เป็นสนามกีฬาที่ตั้งอยู่ในกรุงเปียงยางประเทศเกาหลีเหนือ เหตุผลที่สนามกีฬาแห่งนี้ถูกจัดเป็นอันดับหนึ่งของสนามกีฬาทั่วโลกที่ใหญ่ที่สุดนั้นก็เป็นเพราะว่า รึงราโด มีพื้นที่กว่า 50 เอเคอร์ หรือประมาณ 2,063,807 ตารางเมตร มีความจุต่อที่นั่งอยู่ที่ 114,000 ที่นั่ง ในส่วนของรูปร่างนั้นจะมีลักษณะที่คล้ายกับกลีบดอกแมกโนเลีย เรียงต่อกันเป็นวงกลม

แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าวัตถุประสงค์เริ่มแรกของการสร้างสนามกีฬาแห่งนี้ก็เพื่อใช้ในการแข่งขันกีฬา รวมถึงการแสดงต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันรึงราโดกลับถูกใช้ในเรื่องของการแสดงงานเทศกาลอารีรังมากกว่าการแข่งกีฬาเสียอีก เพราะในส่วนของการแข่งขันกีฬาก็มีเพียงแค่ฟุตบอลและกรีฑาบ้างเพียงเท่านั้น เมื่อได้มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่างานเทศกาลอารีรังคืออะไร เราจะขอเกริ่นเพียงเล็กน้อยว่าเป็นงานแสดงการร่ายรำและกายกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาหลีเหนือ และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกจากการบันทึกของสถิติโลกกินเนสส์ ในปี พ.ศ. 2550โดยการแสดงเทศกาลอารีรังจะเป็นการบอกผ่านเรื่องราวความเป็นมาอันความเจ็บปวดและการต่อสู้จนได้มาซึ่งการยืนหยัดเป็นประเทศได้ในทุกวันนี้ผ่านบทเพลงอารีรัง โดยในเทศกาลจะมีการเฉลิมฉลองในช่วงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี ซึ่งล่าสุด ในปี 2562 เทศกาลอารีรังได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเทศกาลประเทศของประชาชน

นอกจากนี้ สนามกีฬารึงราโด ยังมีประวัติศาสตร์น่าอันหดหู่ เกี่ยวกับการประหารชีวิตทหารผู้เป็นกบฏต่อแผ่นดิน ในช่วงปี 90 โดยจะมีการนำนักโทษเหล่านั้นมาประหารชีวิตด้วยการย่างสดที่สนามกีฬารึงราโดแห่งนี้นั่นเอง

รึงราโดเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้หรือไม่

ถึงแม้ว่าในสมัยก่อนเกาหลีเหนือจะไม่ได้เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมรึงราโด รวมทั้งงานเทศกาลต่าง ๆ ที่จัดอยู่ภายในสนามกีฬาแห่งนี้ แต่ในปัจจุบันทางรัฐบาลเกาหลีเหนือก็ได้มีการผ่อนปรนอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะได้เข้าไปชมความเป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของประเทศเกาหลีเหนือ รวมถึงสนามกีฬารึงราโดที่ถูกขนานนามว่าใหญ่ที่สุดในโลกด้วย

Wembley stadium สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษ

เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนที่มีความฝันอยากจะไปเยือนประเทศอังกฤษสักครั้งหนึ่งในชีวิตนั้น จะต้องมีคนที่อยากไปเที่ยวชมดูการแข่งขันฟุตบอลทีมโปรดในดวงใจแน่ ๆ เพราะหนึ่งในสิ่งที่โด่งดังที่สุดของประเทศอังกฤษก็คือทีมฟุตบอลที่มีชื่อเสียงกว้างไกลและสร้างฐานแฟนคลับจำนวนมหาศาลไว้ทั่วโลก และในบทความนี้เราจะพาทุกคนทัวร์ชม Wembley stadium ซึ่งเป็นสนามกีฬาที่คอนักแตะลูกหนังแทบจะทุกคนต้องรู้จัก

Wembley stadium กับ ลีกในดวงใจของใครหลาย ๆ คน

Wembley Stadium หรืออีกชื่อก็คือ New Wembley เหตุผลที่เรียกชื่อนี้เป็นเพราะว่าสนามกีฬาได้ถูกสร้างใหม่ขึ้นอีกครั้งแทนสนามกีฬาเดิม ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 2007 ซึ่งถือเป็นสนามกีฬาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอังกฤษ และมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สองของยุโรป (รองจากสนามกีฬากัมนอว์ของทีมสโมสรบาร์เซโลน่า) โดยสนาม Wembley มีความจุอยู่ที่ 90,000 คน สำหรับผู้เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลและขนาดสนามของ Wembley นั้นถือว่าเป็นมาตรฐานของสนามแข่งฟุตบอลยูฟ่า คือ 105 X 68 เมตร

ส่วนในความโดดเด่นของสนามกีฬา Wembley เราจะสามารถมองเห็นหลังคาที่สูงมาก และได้รับการขนานนามว่าเป็นหลังคาสนามกีฬาที่สูงที่สุดในโลก โดย Wembley stadium นั้นอยู่ในความดูแลของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ และถูกเปิดใช้สนามในครั้งแรกในปี 2007 คือการแข่งขัน FA CUP 2007 และในปี 1966 ก่อนหน้าที่สนามกีฬาแห่งนี้จะถูกสร้างใหม่อีกครั้ง สนาม Wembley ก็ยังเคยเป็นสนามแข่งหลักในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 1966 ที่ประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันอีกด้วย นอกจากนี้ซิกเนเจอร์อีกหนึ่งที่ของ Wembley stadium ซึ่งยืนเด่นอยู่หน้าสนามเลยก็คือ รูปปั้นของบ็อบบี มัวร์ เขาคนนี้ก็คือกัปตันทีมชาติอังกฤษที่พาทีมคว้าชัยในการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 1966 นั่นเอง

นอกเหนือจากการชมการแข่งขันกีฬาแล้ว ภายใน Stadium แห่งนี้ ยังคงมีร้านขายของที่คอนักบอลจะต้องไม่พลาด กับสินค้าหลากหลายอย่างที่เกี่ยวกับฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นเสื้อของทีมโปรด ป้าย หรือผ้าพันคอ ซึ่งสามารถเลือกซื้อได้อย่างจุใจ เป็นของที่ระลึกกลับไปอวดเพื่อนที่ไทยได้เลยทีเดียว และหากใครที่เป็นกังวลเกี่ยวกับที่พักกลัวว่าจะลำบากในการหาหรือกลัวว่าจะไม่มีที่พักอยู่แถวนั้น ต้องบอกเลยว่าอย่าได้กังวลไป เพราะมีโรงแรมอยู่มากมายใกล้กับสเตเดียมแห่งนี้ โดยใช้เวลาไม่กี่นาทีก็สามารถมาถึง Wembley stadium ได้อย่างไม่ยากเกินความสามารถ

แต่ทั้งนี้ในฤดูกาลแข่งขันการจองที่พักถือว่าจะต้องใช้ความรวดเร็วพอตัว เพราะในแต่ละการแข่งขันไม่ได้มีเพียงแค่เราเท่านั้นที่อยากชมเชียร์ทีมโปรดในดวงใจ ยังคงมีแฟนนักบอลอีกหลายหมื่นคนทั่วโลกที่ต่างมารวมตัวกันในสเตเดียมแห่งนี้ เพื่อเชียร์ทีมโปรดของตัวเองอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องการจองที่พักหรือแม้กระทั่งการซื้อบัตรเพื่อเข้าชม จะต้องทำการบ้านมาดีพอสมควร เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้ทริปที่ฝันล่มไปในพริบตา

อย่างไรก็ตามการเข้าชมการแข่งขันกีฬาที่ Wembley stadium อาจเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คนแต่ทั้งนี้ มารยาทในการเข้าชมการแข่งขันกีฬาถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แม้ว่าจะมีโอกาสได้ไปชมการแข่งขันถึงสเตเดียม แต่การให้เกียรติสถานที่ถือเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษากฎระเบียบและถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้เข้าชมกีฬาท่านอื่น ๆ ด้วย

สนามมวยลุมพินี สนามมวยมาตรฐานสู่สนามแข่งขันระดับโลก

สำหรับประเทศไทย “มวย” ถือว่าเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากทั้งคนไทยเอง และชาวต่างชาติอย่างล้นหลาม จะเห็นได้จากกางเกงมวยที่ถือเป็นซิกเนเจอร์หลัก ๆ ที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวคนไหนได้เดินทางมาประเทศไทยจะต้องรู้จักเป็นแน่แท้  อีกทั้งมวยไทย ยังถือเป็นชนิดกีฬาที่สร้างชื่อเสียงกึกก้องไปไกลทั่วโลก ทั้งในเรื่องของศิลปะมวยไทย การต่อสู้แบบมวยไทย ถึงขั้นที่นักท่องเที่ยวคอกีฬาบางคนจัดทริปมาเที่ยวไทยเพื่อดูการแข่งขันมวยไทยโดยเฉพาะ และในบทความนี้เราจะพาคอกีฬามวยมาทำความรู้จักกับ สนามมวยลุมพินี หนึ่งในสถานที่ที่คอกีฬามวยไทยจัดให้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุด

มาทำความรู้จักกับ สนามมวยสวนลุมพินี สถานที่ฮอตฮิตของคนรักมวย

สนามมวยลุมพินี ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2499 โดยพันตรีประภาส จารุเสถียร ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกองทัพบก ถือได้ว่าเป็นสนามมวยมาตรฐานแห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับสนามมวยราชดำเนิน

ซึ่งนอกเหนือจากสนามมวยแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสนามในการแข่งขันมวยไทยแล้ว สนามมวยลุมพินียังถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เคยจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลกมาก่อนในปี 2503 โดยวัตถุประสงค์หลัก ๆ ในการสร้างสนามมวยลุมพินีขึ้นมาก็เพื่อใช้ในการปั้นนักกีฬามวยมาสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้

ลักษณะทั่วไปของสนามมวยนั้นจะมีทั้งหมด 3 อาคาร ภายในอาคารแข่งขัน หรือที่เรียกว่าสนามมวยลุมพินีจะมีพื้นที่สามารถจุคนได้ประมาณ 5,000 คน แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ในส่วนของสนามแข่งมวย จะมีเวทีสังเวียนตั้งอยู่ตรงกลางและรายล้อมไปด้วยอัฒจันทร์เชียร์ที่จะมีผู้เข้าชมนั่งอยู่โดยรอบ ซึ่งหากผู้ใดที่ถือโอกาสมาชมมวยไปด้วยอยากทัศนศึกษาความเป็นมาของมวยไปพลาง ทางสนามมวยสวนลุมพินียังมีพิพิธภัณฑ์มวยไทย รวมถึงลานวัฒนธรรมสำหรับใช้แสดงกิจกรรมและฝึกซ้อมมวยไทยอยู่ โดยในตัวพิพิธภัณฑ์จะตั้งอยู่ตรงชั้นหนึ่งของอาคารสนามมวยลุมพินี ส่วนลานวัฒนธรรมจะตั้งอยู่บริเวณอาคารจอดรถ ซึ่งนอกจากนั้นตัวอาคารจอดรถยังคงมีร้านขายของเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับแฟนมวยทุกคน โดยไม่ต้องกังวลว่าหากหิวจะต้องขับรถออกไปเพื่อหาของกินข้างนอก

ในปัจจุบันสนามมวยลุมพินีจะตั้งอยู่ที่ถนนรามอินทรา อนุสาวรีย์เขตบางเขน สามารถเดินทางได้โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวเนื่องจากบริเวณสนามมวยมีลานจอดรถขนาดใหญ่สามารถรองรับรถยนต์ของผู้เข้าชมได้หลายคัน หรือจะใช้การเดินทางขนส่งสาธารณะ อย่างเช่น รถไฟฟ้าโดยลงสถานีราชเทวี แล้วสามารถต่อแท็กซี่ไปหรือจะลงเรือที่ตลาดโบ๊เบ๊ แล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์ไปอีกได้ตามแต่สะดวก

สถานการณ์โควิดกับสนามมวยลุมพินี

สำหรับสถานการณ์ที่ผ่านมาของสนามมวยสวนลุมพินีนั้น ถือเป็นกระแสตื่นตัวของสังคมไทยไม่น้อย จากการพบผู้ติดเชื้อที่อยู่ภายในสนามมวยแห่งนี้ ทำให้ทางสนามมวยได้ปิดเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเป็นเวลา 18 วัน นับแต่วันที่ 13 มีนาคมไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม และในปัจจุบันสนามมวยลุมพินีได้เปิดทำการตามปกติโดยจะมีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อใช้ในการควบคุมโรคต่อไป

โคลอสเซียม จากสนามกีฬาสู่เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ที่โลกไม่ลืม

ประเทศอิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามและมีกลิ่นอายของความคลาสสิคในยุคประวัติศาสตร์อีกที่หนึ่งของโลก ซึ่งหากใครได้ทำความรู้จักประเทศนี้เพิ่มมากขึ้น จะรู้เลยว่าอิตาลีเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีฉากหลังเป็นเมืองใหญ่ หนึ่งในต้นกำเนิดความมีอารยธรรมของโลกใบนี้ แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงประเทศอิตาลี หลายคนคงจะนึกถึงวิหารมิลานที่สวยงาม และอีกหลายคนคงจะนึกถึงโคลอสเซียม ซึ่งนอกจากจะเป็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ใครหลายคนต่างตั้งความหวังอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต วิหารโคลอสเซียมยังถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสำคัญอย่างมากในด้านกีฬา เพราะในอดีตโคลอสเซียมแห่งนี้เคยเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ในกรุงโรมมาก่อน และถือเป็นสนามกีฬาในยุคนั้นที่ใหญ่โตที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ประวัติศาตร์โดยคร่าวของการก่อตั้งโคลอสเซียม ดินแดนแห่งศึกสังเวียนและการนองเลือด

โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยสนามกีฬาโบราณแห่งนี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 80 ซึ่งเป็นช่วงที่จักรพรรดิไททัสปกครองอยู่ โดยวัตถุประสงค์ของการสร้างโคลอสเซียมนั้นก็เพื่อใช้ในการประลองฝีมือของเหล่ากลาดิเอเตอร์ หรือการประลองกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย ส่วนระยะเวลาในการสร้างสนามกีฬาแห่งนี้ได้ใช้เวลาเพียงแค่ 10 ปี ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความใหญ่โตมโหฬารของมัน

สำหรับในส่วนของสนามกีฬานั้นจะมีอัฒจันทร์ที่ก่อด้วยอิฐและหินทรายเป็นรูปวงกลม สามารถจุคนได้มากถึง 50,000 คน และผู้ออกแบบยังสร้างทางระบายน้ำเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมสนามในช่วงที่มีฝนตก ซึ่งในปัจจุบันทางระบายน้ำที่ถูกสร้างขึ้นก็ได้กลายมาเป็นต้นแบบของการสร้างสนามกีฬาอื่น ๆ

นอกจากนี้ยังมีความจริงอีกอย่างหนึ่งที่ควรรู้ของสนามกีฬาโคลอสเซียม ก็คือสนามกีฬาแห่งนี้ถือเป็นสนามกีฬาที่แพงที่สุดและใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างสนามกีฬามาด้วย และถึงแม้ว่าการแข่งขันกีฬาภายในโคลอสเซียมซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาที่มีเดิมพันเป็นชีวิตหรือการต่อสู้กับสัตว์ป่าที่ดุร้าย ซึ่งหลายคนจะถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างป่าเถื่อนและเป็นการทารุณกรรมสัตว์อย่างหนึ่ง แต่ในปัจจุบันสนามกีฬาแห่งนี้ก็ได้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านโทษประหาร ซึ่งภายในบริเวณโคลอสเซียมจะมีไฟสีเหลืองคอยส่องสว่างในทุกครั้งที่มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตทุกที่บนโลก

เยี่ยมชม โคลอสเซียม หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ด้วยความที่สนามกีฬาโบราณแห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันกับความมโหฬารอลังการที่ถูกถ่ายทอดผ่านสายตาประชากรโลกกว่าหลายล้านคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดที่โคลอสเซียมแห่งนี้จะกลายเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจากการลงคะแนนของประชากรผ่านทางโซเชียลและโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในปัจจุบันยังคงเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30-19.00 โดยตั๋วเข้าชมจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ตั๋วเข้าชมแบบมีไกด์ซึ่งจะมีราคา 17 ยูโร และตั๋วเข้าชมแบบไม่มีไกด์จะมีราคา 16 ยูโร ซึ่งหากใครสนใจสามารถซื้อตั๋วที่ Roman Pass หรือจะซื้อตั๋วออนไลน์ผ่านทาง coopculture.it ก็ได้ตามที่สะดวก

Camp Nou รังเหย้าของทีมบาร์เซโลน่า สนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

เมืองบาร์เซโลน่าถือเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของทวีปยุโรป ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นกาตาลุญญา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสเปน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ทั้งมหาวิหารซากราดา แฟมิเลีย สถาปัตยกรรมที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก, สวนสาธารณะปาร์กเวย์ สถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปใต้, พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ ที่รวบรวมผลงานของจิตกรเอกของโลกไว้มากกว่า 3,500 ชิ้น แต่หนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของเมืองนี้คงหนีไม่พ้น คัมป์ นู (Camp Nou) สนามฟุตบอลประจำทีมบาร์เซโลน่า สโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของประเทศสเปนและทวีปยุโรป

สโมสรบาร์เซโลน่าได้ชื่อว่าเป็นทีมมหาอำนาจลูกหนังของศึกลาลีกา สเปน เคียงคู่กับสโมสรเรอัล มาดริด เหล่าขุนพลบาร์ซ่าคว้าแชมป์มาครองมากมายทั้งในระดับประเทศและทวีปยุโรป โดยมีสนามคัมป์ นู เป็นสนามเหย้าประจำทีมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1957 ก่อนที่สนามแห่งนี้จะผ่านการรีโนเวทมาหลายครั้งจนในปัจจุบันสามารถจุผู้ชมได้ถึง 99,354 ที่นั่ง นับเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก นอกจากถูกใช้เป็นรังเหย้าของทีมบาร์เซโลน่าแล้ว คัมป์ นู ยังเคยถูกใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นศึกชิงแชมป์สโมสรยุโรป รอบชิงชนะเลิศ ทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูฟ่า คัพ วินเนอร์ คัพ, ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี 1964 และศึกฟุตบอลโลกปี 1982 รวมไปถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 1992

สนามคัมป์ นู ตั้งอยู่ในจุดที่เดินทางได้อย่างสะดวกทั้งทางรถบัสและรถไฟใต้ดิน โดยตัวสนามหากมองจากภายนอกอาจมีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของสนามจะอยู่ลึกลงไปชั้นใต้ดิน ทางสโมสรบาร์เซโลน่าเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวและแฟนบอลเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของสโมสรได้ทุกวัน ซึ่งภายในจะเป็นการรวบรวมทุกเรื่องราวเกี่ยวกับทีมบาร์เซโลน่า ไม่ว่าจะเป็นประวัติสโมสรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน, โทรฟี่แชมป์ทุกรายการที่ทีมประสบความสำเร็จ, เรื่องราวนักเตะชื่อดังของทีม ไล่ตั้งแต่ดิเอโก้ มาราโดน่า จนถึงซูเปอร์สตาร์คนปัจจุบันอย่างลิโอเนล เมสซี่ ที่มีการจัดแสดงรางวัลส่วนตัวทั้งบัลลงดอร์และรองเท้าทองคำ นอกจากนั้นในวันที่ไม่มีเกมการแข่งขันก็จะมีโปรแกรมทัวร์ Camp Nou Experience Tour & Museum ซึ่งสามารถซื้อตั๋วได้หลายช่องทาง ทั้งทางออนไลน์, หน้าประตูทางเข้า และจุดจำหน่ายตั๋วรอบเมืองบาร์เซโลน่า ซึ่งการซื้อตั๋วช่องทางออนไลน์จะได้ราคาถูกกว่าช่องทางอื่นประมาณ 2-3 ยูโร โดยโปรแกรมทัวร์นี้จะรวมไปถึงการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สโมสรและส่วนต่าง ๆ ของสนามคัมป์ นู อย่างห้องแต่งตัวนักฟุตบอล, ห้องแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ของผู้จัดการทีมและนักเตะ, ห้องบรรยายการถ่ายทอดสด, ทางเดินลงสู่สนาม, ซุ้มม้านั่งสำรอง รวมไปถึงได้สัมผัสสนามหญ้าที่นักเตะชื่อดังมากมายเคยลงฟาดแข้งอย่างใกล้ชิด และหลังจากจบโปรแกรมทัวร์แล้วยังสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตราสโมสรบาร์เซโลน่าได้ที่ Magastore เป็นการส่งท้ายทริป

บาร์เซโลน่าได้ชื่อว่าเป็นสโมสรที่ทำประโยชน์เผื่อสังคมมาโดยตลอด โดยพวกเขาบริจาคเงินให้กับองค์กรยูนิเซฟเป็นประจำทุกปี และในปัจจุบันที่ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาโรคโควิด-19 บาร์เซโลน่าก็ได้ประกาศขายสิทธิ์เปลี่ยนชื่อสนามให้กับสปอนเซอร์ที่สนใจ เพื่อนำเงินมาบริจาคสมทบทุนให้กับโครงการทางการแพทย์ในการวิจัยและต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอีกด้วย

เครดิตภาพ: https://vnt.onecmscdn.com/2020/04/24/bongdaso-com_200424_204057_755.jpg

เที่ยวกรุงลอนดอนตามสไตล์แฟนบอล เยี่ยมชม 3 สนามใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก

ประเทศอังกฤษ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่คลั่งไคล้ฟุตบอลเป็นอย่างมาก เฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงลอนดอนเพียงเมืองเดียว ก็เต็มไปด้วยสโมสรฟุตบอลนับ 100 แห่งทั้งในระดับอาชีพและกึ่งอาชีพ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักจะพบเห็นสนามฟุตบอลโดยตลอด แต่สนามฟุตบอลที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและแฟนบอลทั่วโลกคงหนีไม่พ้นสนามของบรรดาสโมสรใหญ่แห่งกรุงลอนดอนอย่างเชลซี, อาร์เซน่อล และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งเราจะไปทำความรู้จักกับสนามเหย้าของทั้ง 3 สโมสรยักษ์ใหญ่กัน

สแตมฟอร์ด บริดจ์

สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นสนามเหย้าของทีมเชลซี สโมสรแรกของลอนดอนที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตัวสนามตั้งอยู่ในย่านฟูแล่ม เปิดใช้มาตั้งแต่ปี 1877 ปัจจุบันมีความจุผู้ชม 41,837 ที่นั่ง ซึ่งมีโครงการขยายความจุในอนาคตเป็น 63,000 ที่นั่งภายในปี 2023 โดยทางสโมสรเปิดให้เข้าเยี่ยมชมสนามและพิพิธภัณฑ์ได้ในราคา 19 ปอนด์สำหรับผู้ใหญ่ และราคา 13 ปอนด์ สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี

การเดินทางมายังสนามมีความสะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถเมล์และรถไฟใต้ดิน โดยมีป้ายรถเมล์ถึง 2 จุดบริเวณด้านหน้าสนามบนถนนฟูแล่ม ส่วนทางออกรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Fulham Broadway ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ขับรถยนต์ส่วนตัวเนื่องจากบริเวณรอบ ๆ สนามเป็นเขตห้ามจอดรถ

เอมิเรตส์ สเตเดียม

เอมิเรตส์ สเตเดียม เป็นสนามฟุตบอลประจำทีมอาร์เซน่อล สโมสรฟุตบอลอาชีพแห่งแรกของกรุงลอนดอน ตั้งอยู่ในย่านฮอลโลเวย์ทางตอนเหนือของลอนดอน เริ่มเปิดใช้งานเมื่อปี 2006 เพื่อทดแทนสนามเดิมอย่าง ไฮบิวรี่ ซึ่งทำให้สามารถรองรับแฟนบอลได้ถึง 60,704 ที่นั่ง โดยตั๋วเข้าชมสนามและพิพิธภัณฑ์สำหรับผู้ใหญ่มีราคา 25 ปอนด์ และเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีราคา 16 ปอนด์

การเดินทางมายังสนามที่สะดวกที่สุดคือใช้บริการรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน Piccadilly Line โดยลงที่สถานีอาร์เซน่อล ซึ่งเมื่อออกจากสถานีมาแล้วให้เดินเท้าต่ออีก 300 เมตรก็จะถึงสนาม

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม เป็นรังเหย้าแห่งใหม่ของสโมสรท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ที่สร้างขึ้นบนตำแหน่งของสนามดั่งเดิมอย่าง ไวต์ฮาร์ทเลน ด้วยมูลค่าการก่อสร้างกว่า 1,000 ล้านปอนด์ และเพิ่งทำการเปิดใช้อย่างเป็นทางการไปเมื่อปี 2019 โดยได้ชื่อว่าเป็นสนามฟุตบอลระดับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในกรุงลอนดอนด้วยความจุสูงสุด 62,303 ที่นั่ง ด้วยความใหม่ของสนามจึงทำให้ราคาเข้าชมสนามและพิพิธภัณฑ์สำหรับผู้ใหญ่มีราคาสูงถึง 30 ปอนด์ ในขณะที่เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีราคาเพียง 15 ปอนด์เท่านั้น

การเดินทางมายังสนามสามารถเลือกได้หลายช่องทางทั้งรถไฟใต้ดินสาย Victoria ลงที่สถานี Seven Sisters, รถชัตเตอร์บัส รวมไปถึงรถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากสนามอยู่ใกล้กับทางด่วน

โดยหากต้องการทัวร์สนามฟุตบอลและพิพิธภัณฑ์อย่างจุใจครบทุกที่ แฟนบอลสามารถเลือกซื้อบัตร London Pass เพียงบัตรเดียวก็สามารถเข้าชมได้ทั้งที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ และเอมิเรตส์ สเตเดียม น่าเสียดายที่ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ แต่ก็ชดเชยด้วยการทัวร์สนามเวมบลีย์แทน นอกจากนั้น London Pass ยังสามารถใช้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของกรุงลอนดอนได้กว่า 60 แห่งอีกด้วย

เครดิตภาพ: https://d2bq2usf2vwncx.cloudfront.net/Pictures/780xany/1/5/6/1817156_Emirates-Stadium-by-JPellgen.jpg

กรีฑาสถานแห่งชาติ สถานที่จัดแข่งขันโอลิมปิกปี 2020

ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะทำให้งานแข่งขันกีฬาที่ดังระดับโลกอย่างโอลิมปิก ปี 2020 เป็นอันต้องเลื่อนออกไปจากเดิมในระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม ถึงวันที่ 9 สิงหาคม ปี 2563 เป็นในระหว่างวันที่ 23กรกฎาคม ถึงวันที่ 8 สิงหาคม ปี 2564 ซึ่งในการเลื่อนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ร้อยปีนับแต่มีสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่อย่างไรก็ตามแฟน ๆ จำนวนไม่น้อยก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอคอยการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกันอย่างล้นหลาม ยิ่งในปีนี้ประเทศญี่ปุ่นได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซึ่งสถานที่จัดการแข่งขันอย่าง กรีฑาสถานแห่งชาติ ก็ยังตั้งอยู่ในแขวงชินจูกุประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่า ใครก็ตามที่วางแผนเก็บกระเป๋าบินตรงสู่แดนอาทิตย์อุทัย จะต้องเตรียมพร้อมทั้งแรงเชียร์และแรงเงิน เพราะนอกจากจะได้ชมกีฬากันอย่างจุใจอาจจะได้ช้อปกระจายกันอย่างจุกอกอีกด้วย

ความใหญ่โตสมเป็นเจ้าภาพงานของ กรีฑาสถานแห่งชาติ

กรีฑาสถานแห่งชาติ ถือเป็นสนามกีฬาแห่งชาติใหม่ของประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่ถูกรื้อและปรับปรุงในปี 2558 โดยสนามกีฬาแห่งนี้ได้ทำการเปิดใช้สนามกันอย่างจริงจังในวันที่ 21 ธันวาคม ปี 2562 ตั้งอยู่ที่ชานเมืองในแขวงชินจูจุ ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านชื่อดังในประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี

โดยสนามกีฬาแห่งนี้สามารถจุคนได้ถึง 68,000 คน และตัวอัฒจันทร์ที่รับชมกีฬามีด้วยกันทั้งหมดถึง 3 ชั้น ซึ่งหากนับรวมชั้นใต้ดินอีก 2 ชั้นจะทำให้มีทั้งหมดด้วยกัน 5 ชั้น โดยเก้าอี้จะมีความสูงที่สามารถทำให้ผู้รับชมข้างบนที่แม้จะมีคนยืนบังอยู่ข้างหน้าก็ยังสามารถมองเห็นการแข่งขันได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ชั้นแรกของอัฒจันทร์เชียร์กีฬายังถูกออกแบบมาเพื่อให้บุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวรับชมการแข่งขันอย่างสะดวกสบายอีกด้วย โดยในกรีฑาสถานแห่งชาตินี้จะถูกนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาประเภทฟุตบอลและกรีฑา รวมถึงพิธีการเปิดและพิธีปิดการแข่งขันเป็นหลัก

สำหรับวิธีการจองตั๋วเพื่อเข้าชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2020 นั้น นอกจากจะมีการซื้อตั๋วกันภายในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ชาวต่างชาติ ยังคงสามารถซื้อตั๋วผ่านทางออนไลน์ได้ด้วยสำหรับประเทศไทยนั้นหากต้องการซื้อตั๋วออนไลน์สามารถเข้าไปในเว็บไซต์ jbtthailand.com ได้เลย และหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามไปทางเว็บไซต์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาเพื่อจะทำให้การเดินทางราบรื่นยิ่งขึ้น

ส่วนใครก็ตามที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กับกรีฑาสถานแห่งชาตินี้ ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่แวดล้อมโดยรอบสนามกีฬานั้น จะมีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอย่างสวนชินจูกุเกียวเง็น และยังคงเต็มไปด้วยย่านสินค้าและร้านแบรนด์เนมให้สายช้อปได้เพลิดเพลินไปกับสินค้าคุณภาพชื่อดังอีกหลากหลายชนิดแบบ ที่เรียกได้ว่าจ่ายกันไม่หวาดไม่ไหวกันกันเลยทีเดียว

สถานการณ์โควิด-19 กับผลกระทบที่มีต่องานโอลิมปิก

ถึงแม้ว่าการแข่งขันโอลิมปิกจะต้องถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าการแข่งขันจะถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ดังนั้นแล้วแฟนกีฬาไม่ต้องเศร้าเสียใจไป เพราะอย่างไรก็ตามเมื่อมีกำหนดการแข่งขันที่แน่ชัดออกมาแล้ว ในปีหน้าเราคงได้เห็นบรรยากาศความครึ้กครื้นสนุกสนานกลับมาอีกครั้งกับมหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแน่นอน

แพทสเตเดี้ยม ฉบับปรับปรุงใหม่ พร้อมลุย AFC แชมเปี้ยนลีก

สโมรสรการท่าเรือเป็นสโมสรเก่าแก่ที่อยู่คู่วงการฟุตบอลไทยมานานหลายปี เป็นสโมสรที่มีชื่อเสียงในเรื่องความเหนียวแน่นของกองเชียร์ ว่ากันว่าแฟนบอลท่าเรือขึ้นชื่อในเรื่องความโหดดิบเถื่อน (ในเรื่องการเชียร์) เป็นอันดับต้น ๆ ในลีก เพราะตั้งอยู่ในเขตท่าเรือคลองเตยที่มีชุมชนอยู่กันอย่างหนาแน่น ทำให้แฟน ๆ ของท่าเรือได้อยู่กับทีมมานานรุ่นต่อรุ่น แม้จะห่างหายจากตำแหน่งแชมป์มาหลายปี แต่สโมรสรการท่าเรือก็มีชื่อเข้าชิงแชมป์ลีกทุกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อ มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ เข้ามาบริหาร ความสำเร็จก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ

สนามเล็กและแออัดจะขยับขยายอย่างไร

                ทุกท่านคงได้เห็นผลงานของสิงห์ท่าเรือจากการอัพเดตของ VWIN ตลอดฤดูกาล 2018 – 2019 และบทสรุปคือสโมสรการท่าเรือทำอันดับในลีกจบที่อันดับสองในฤดูกาล 2018 – 2019 ก็ถึงคราวที่ทีมจะต้องเข้าไปลุยในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนลึก ถึงแม้จะเป็นรอบคัดเลือกรอบสองยังไม่สามารถเข้ารอบแบ่งกลุ่มอัตโนมัติ และอาจจะเป็นการแข่งขันเพียงนัดเดียวหากแพ้ขึ้นมา นโยบายของมาดามแป้งก็ไม่อยากที่จะทำลวก ๆ ด้วยการย้ายไปแข่งที่สนามอื่นตามกฎของเอเอฟซี ที่สนามที่ใช้แข่งจะต้องผ่านมาตรฐานเอเอฟซี คลับไลเซนซิ่ง ซึ่งทุกที่นั่งในสนามต้องมีเก้าอี้ และมีห้องต่าง ๆ ตามกฎ ซึ่งหากมาดามแป้งจะย้ายไปใช้สนามอื่นก็คงไม่มีใครว่าอะไรเพราะอาจจะเป็นบอลแค่นัดเดียว แต่เพื่อสร้างมาตรฐานและเป็นการเอาใจแฟนบอลชาวท่าเรือ มาดามจึงตัดสินใจปรับปรุงสนามให้ทันกำหนดของเอเอฟซี

                สนามจึงมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ทั้งติดตั้งเก้าอี้รอบสนาม ปูหญ้าใหม่ และสร้างห้องพักนักกีฬาและห้องพักผู้ตัดสิน รวมถึงทีมงานของเอเอฟซี มาดามก็จัดให้เสร็จทันเวลา ทำให้เมืองไทยมีสนามที่ได้มาตรฐานเอเอฟซีเพิ่มอีกหนึ่งสนาม

                เคยมีการถามว่าทำไมมาดามถึงไม่คิดย้ายไปสร้างสนามใหม่ เพราะสนามแพทสเตเดี้ยมมีขนาดเล็กด้วยความที่ตั้งอยู่ในเขตการท่า ทำให้มีพื้นที่ในการขยับขยายน้อยมาก กลายเป็นสนามที่เล็กที่สุดสนามหนึ่งในเมืองไทย แต่ข้อดีของสนามแพทสเตเดี้ยมที่ถึงแม้จะเล็กขยับขยายยาก แต่ความใกล้กันของแฟนบอลกับขอบสนาม ทำให้แม้จะมีผู้ชมในสนามน้อยแต่ก็ทำให้คนดูเต็มสนาม เสียงเชียร์และเสียงโห่ดังและกดดันทีมเยือนได้มาก นี่จึงเป็นข้อดีของสนามแพทสเตเดี้ยมที่หาที่อื่นมาเทียบเคียงได้ยาก

การลงทุนที่คุ้มค่า

                แม้จะมีเสียงค่อนขอดว่าการลงทุนปรับปรุงสนามครั้งนี้จะสูญเปล่า แต่หากมองดูดีดี นอกจากเราจะมีสนามที่มีคลับไลเซนซิ่งเพิ่มขึ้นแล้ว สำหรับทีมการท่าเรือเองอาจจะได้เปรียบเสียงเชียร์ในการแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนลีก ไม่แน่ว่าเสียงเชียร์อันดุดันจะข่มขวัญคู่แข่งจากทั่วเอเชียจนนำความสำเร็จในระดับเอเชียร์มาสู่ถิ่นคลองเตยก็ได้

Pancho Aréna สนามฟุตบอลหรืองานศิลปะ

มีความเชื่อว่าหากมนุษย์เราท้องอิ่ม ปลอดภัย มีความเป็นอยู่ที่ดี จะเกิดความคิดสร้างสรรค์แสดงออกผ่านศิลปะในแบบต่าง ๆ ความเชื่อนั้นอาจจะมีส่วนถูกเพราะประเทศสงบสุข คุณภาพชีวิตของประชากรดีมักจะมีศิลปินสรรสร้างผลงานศิลปะเพื่อจรรโลงโลกอยู่เสมออย่างเช่น นอร์เวย์ อิตาลี บัลแกเรีย ออสเตรีย และเช็ค ประเทศเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยศิลปินมีชื่อมากมาย เปรียบดังเมืองหลวงแห่งผลงานศิลปะทุกแขนง เช่นเดียวกันกับฮังการี ประเทศเล็ก ๆ แสนสงบสุขในยุโรปที่วรรณกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และสถาปัตยกรรม รุ่งเรืองถึงขีดสุดสะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากรในประเทศอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pancho Aréna สนามฟุตบอลที่สวยงามราวกับโรงละครในภาพฝัน

Pancho Aréna เป็นสนามฟุตบอลของสโมสร Puskás Akadémia FC สโมสรเล็ก ๆ ในฮังการีที่เชื่อว่าแฟนฟุตบอลส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นชื่อในการแข่งขันระดับทวีปมาก่อน สนามแห่งนี้มีความจุแค่ 5,000 ที่นั่งเท่านั้น และด้วยความเป็นสนามฟุตบอลขนาดเล็กนี่เองจึงทำให้ อิมเร มาโคเว็ตซ์ สถาปนิกชาวฮังกาเรี่ยนสามารถรังสรรค์ผลงานสุดบรรเจิดนี้ขึ้นมาประดับโลกาได้อย่างเต็มที่ Pancho Aréna ได้แรงบันดาลใจมาจากโบสต์ของชาวคริสเตียน ออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรมแนวนีโอโกธิค โครงสร้างโดยรวมเป็นคอนกรีตกึ่งไม้ และการประดับด้วยไม้ นี่เองที่ทำให้สนามแห่งนี้มีความแตกต่างจากสนามฟุตบอลอื่น ๆ ไม้ที่ว่าถูกนำเอามาทำเป็นซุ้มทรงโค้งคล้ายกิ่งก้านของต้นปาล์มหรือต้นมะพร้าวเพื่อเป็นโครงสร้างรับน้ำหนักหลังคาอีกที เมื่อดูเผิน ๆ จะเหมือนต้นไม้หลาย ๆ ต้นเรียงสลับกันตามแนว พิจารณาดูดี ๆ จะเห็นถึงความสลับซับซ้อนและความสุดยอดของงานออกแบบ โครงสร้างประดับด้วยไม้นั้นเมื่อต้องแสงไฟแล้วจะทำให้สนามดูมีมิติ หรูหรา จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นสนามกีฬาเพราะคล้ายโรงละครโอเปร่าเสียมากกว่า

ความโดดเด่นของสนามแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงสถาปัตยกรรมภายในเท่านั้น ภายนอกสนามเองก็ดูแตกต่างไม่เหมือนใคร ทางทิศเหนือที่ติดกับสนามซ้อมของสโมสรและทิศใต้ที่เป็นประตูทางเข้า ทั้งสองด้านสถาปนิกตั้งใจใช้หลังคาสีดำด้านและลูกเล่นโครงสร้างทรงโค้งทำให้ดูเหมือนเป็นค้างคาวขนาดมหึมากำลังสยายปีก ยังไม่หมดแค่นั้นในส่วนของทางเข้าพิเศษสำหรับแขกวีไอพีปากทางเข้ายังถูกประดับประดาให้ดูเหมือนเป็นปราสาทในเทพนิยายอีกต่างหาก

หากใครอยากยลความงามของสนาม Pancho Aréna ก็ไม่ยากเพียงเดินทางไปที่เมือง Felcsut ประเทศฮังการีก็ได้ชมสนามที่เหมือนผลงานศิลปะขนาดยักษ์แห่งนี้แล้ว ซึ่งนอกจากปลายทางที่สนาม Pancho Aréna ระหว่างการเดินทางหรือเที่ยวชมสถานที่อื่น ๆ คุณจะได้เห็นศิลปะนานาชนิดของประเทศอันงดงามนี้ผ่านตาอยู่ตลอด ซึ่งการได้เสพย์งานศิลป์นั้นถือว่าเป็นความผ่อนคลายที่ดีมาก ๆ อย่างหนึ่ง เพราะนอกจากจะปลดเปลื้องความเครียดแล้วยังทำให้จิตใจของผู้คนอ่อนโยน ไม่แข็งกร้าว ยิ่งหากได้ชมเกมฟุตบอลไปด้วยเสพย์งานศิลป์ไปด้วยถือว่าเป็นโชคสองชั้นเลยทีเดียว จะว่าไปก็น่าอิจฉาแฟนบอลของ Puskás Akadémia FC เหมือนกันนะเนี่ย