ฮานามิ ณ ภูลมโล ความงามรับต้นปี ทุกพื้นที่เป็นสีชมพู

“ฮานามิ” คำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น คือ การชมดอกไม้ร่วมกันกับคนที่เรารัก อย่างเพื่อน ครอบครัว ร่วมรับประทานอาหาร ชมความงามของดอกไม้ไปพลางพูดคุยสรวนแสเฮฮากัน ซึ่งตลอดปีจะมีช่วงที่ดอกไม้ผลิบานสะพรั่งเหมาะแก่การชื้นชม การฮานามิ ไม่ได้ถูกจำกัดว่าต้องชมเฉพาะดอกซากุระเท่านั้น ดอกไม้ชนิดอื่น ๆ ก็ถือเป็นการฮานามิเช่นกัน

ความสุข ความสนุกของการชมดอกไม้บานนั้นยังสามารถทำได้ในหลายพื้นที่ หลายจังหวัดในประเทศไทย นับเป็นโชคดีที่ประเทศไทยสามารถเพาะปลูกพืชได้หลากหลายชนิด ไม่ใช้แค่เพียงพรรณไม้เมืองร้อนเท่านั้น แต่พรรณไม้เมืองหนาว รวมทั้งพันธุ์ไม้พื้นถิ่นที่ชอบอากาศเย็น ประเทศไทยเองก็มีความงานให้ชมได้ตลอดทั้งปี อย่างเช่น ต้นพญาเสือโคร่งที่มีความงามไม่แพ้ซากุระ และเหมาะกับฮานามิ ซึ่งได้มีการทำการเพาะปลูกจำนวนมากในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าก็น่าชื่นชมเหมือนกัน

ช่วงต้นปีระหว่างเดือนมกราคม จนถึงเดือนแห่งความรักกุมภาพันธ์ ณ ภูลมโล อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า  ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปเที่ยวชมดอกพญาเสือโคร่ง ซึ่งมีความงามเหมือนได้ไปชมดอกวากุระที่ญี่ปุ่น อีกทั้งบรรยากาศยอดภูช่วงต้นปียังทำให้รู้สึกดีเหมือนได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ โดยต้นพญาเสือโคร่งนั้นได้มีการเพาะปลูกด้วยความร่วมมือกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติและชาวบ้าน บนเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ มีด้วยกัน 4 โซน มีสินค้าจำหน่ายจากชาวบ้าน เป็นพืชผักเมืองหนาวที่ชาวบ้านเพาะปลูกได้เองในพื้นที่ อย่างเช่น แครอท กระหล่ำดอก บล็อกโคลี และผลไม้ยอดฮิตอย่างสตอเบอร์รี่ก็มี และนอกจากนี้ยังมีรถบริการรับส่งระหว่างขึ้นภูจากชาวบ้าน นับเป็นการส่งเสริมรายได้ในกับชาวบ้าน ชาวเขาในพื้นที่ เป็นการท่องเที่ยวที่ให้ความสุขสดชื้นรับต้นปี

สำหรับการไปเที่ยวตามอุทยานต่าง ๆ เองในทุกพื้นที่ในประเทศไทยเองมักจะมีร้านค้าขายอาหารและเครื่องดื่มของชาวบ้านค่อยให้บริการความอิ่มอร่อย แก่นักท่องเที่ยวที่หิวกระหาย มีความต้องการที่อยากเติมเต็มทั้งทางจิตใจและอิ่มท้อง โดยที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเองก็เช่นเดียวกัน มีร้านค้าชาวบ้านไว้บริการเหล่านักท่องเที่ยวตลอดทาง เป็นเรื่องดีที่เงินได้เกิดการหมุนเวียนในประเทศ หากแต่สิ่งที่มักมากกับการกินอาหารคือ ขยะ พลาสติก ขวดแก้ว ซึ่งหลายที่ในประเทศไทยมักจะปล่อยหน้าที่เก็บกวาดให้เจ้าหน้าที่ และชาวบ้านในพื้นที่ อยากจะให้นักท่องเที่ยวนำวัฒนธรรมดี ๆ อย่างการฮานามิของชาวญี่ปุ่นมาปรับใช้คือ การรักษาความสะอาด เป็นชมดอกไม้ด้วยการอนุรักษ์ ไม่เด็ดดอกหรือหักกิ่งก้านของดอกไม้  เพราะความงามของดอกไม้จะงามที่สุดตรงที่มันยังอยู่กับต้น และค่อยเคลื่อนคล้อยลงสู้พื้นอย่างสวยงามตามธรรมชาติของมัน

 

อาบออนเซ็นไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น ที่อำเภอฝาง เชียงใหม่บ้านเราก็มี

ไม่ใช่เพียงญี่ปุ่นเท่านั้นที่มีแหล่งอาบน้ำร้อนตามธรรมชาติ ในประเทศไทยเองก็มีแหล่งอาบน้ำพุร้อนหลายที่ด้วยกัน โดยวัฒนธรรมการอาบน้ำพุร้อน บ่อน้ำร้อนนั้นทางเหนือเรียกว่าโป่งน้ำร้อน การอาบออนเซ็นนั้นมีข้อดีหลายประการ อย่างเช่น ช่วยในเรื่องการหมุนเวียนระบบเลือด ผิวพรรณที่สดใสขึ้น เนื่องจากการอาบน้ำพุร้อนจากแหล่งธรรมชาติมีแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยในเรื่องสุขภาพ ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากจึงนิยมการแช่น้ำพุร้อนเป็นประจำ ส่งผลให้อัตราเฉลี่ยอายุของชาวญี่ปุ่นมีอายุที่ยืนยาว อีกทั้งวัฒนธรรมชาวญี่ปุ่นยังนิยมอาบน้ำรวมกัน หรืออาบเป็นครอบครัว เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างกันทั้งในกลุ่มเพื่อน และความอบอุ่นแบบครอบครัว อาจฟังดูขัดหูของชาวไทย เพราะประเทศไทยมักไม่นิยมอาบน้ำร่วมกัน อีกทั้งยังพบกับสภาพอากาศที่ร้อนปรอทแตก แต่ถ้าหากรู้จักอำเภอฝางจะรู้ดีว่าอำเภอดังกล่าวมีสภาพอากาศที่หนาวเกือบตลอดปี การอาบออนเซ็นจึงสามารถอาบได้เกือบตลอดทั้งปีที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

การใช้งบจำนวนมาก ๆ ในการบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงญี่ปุ่นอาจดูเป็นเรื่องใหญ่สำหรับบางคน แถมยังต้องลางานหลาย ๆ วัน หากจะไปอาบออนเซ็นเพียงอย่างเดียวคงจะไม่คุ้มแน่ จึงอยากเชิญชวนให้มาเที่ยวในประเทศไทย ที่มีแหล่งอาบน้ำพุร้อนหลายที่ สำหรับโป่งน้ำร้อนอำเภอฝางนั้นเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่ทามกลางธรรมชาติสีเขียวชอุ่ม ล้อมรอบด้วยต้นไม้จำนวนมาก ณ อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก โดยทางอุทยานเองได้มีบริการห้องอาบน้ำแร่ และห้องอบไอแร่ให้บริการในราคาไม่แพง และมีห้องอาบน้ำแยกเป็นส่วนตัว ภายหลังการอาบน้ำสามารถมาลวกไข่รับประทานได้ โดยทางอุทยานก็มีไข่จำหน่ายในราคาไม่แพง หรือจะเตรียมมาเองก็ได้

นอกจากนี้ยังได้ตื่นตาตื่นใจกับบ่อน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิร้อนมากถึง 80-100  องศาเซลเซียส เหมาะกับการเก็บภาพบรรยากาศทั้งธรรมชาติสวย ๆ บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ การอาบน้ำร้อน และชมน้ำพุร้อนที่นี่สามารถทำได้ทุกฤดูไม่ใช่เพียงฤดูหนาวเท่านั้น

ความสุขของการไปเที่ยวโป่งน้ำพุร้อน หรือการไปอาบออนเซ็นแบบญี่ปุ่นนั้น คุณค่าของมันไม่ได้อยู่ที่สถานที่ที่ไป หากอยู่ที่การได้ไปกับคนที่เรารัก ครอบครัว กับเพื่อนสนิท ทำให้ได้ใช้เวลาร่วมกัน และยังเป็นการพาตัวเองออกไปพบปะผู้คนใหม่ ๆ สถานที่ใหม่ ๆ อย่างชาวบ้าน ชาวเขาในพื้นที่ ที่มักจะมีสินค้าพื้นเมืองมาขาย อีกทั้งอำเภอฝาง ยังมีเขตติดต่อกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมาก นับว่าเป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพทั้งทางกาย และทางใจ กระเป๋าตัง

 

รับลมทะเลจากเมืองชล ชิลไปเรื่อยถึงอ่างศิลา

                คงปฎิเสธไม่ได้ว่าการขับรถไปท่องเที่ยวด้วยตนเองนั้น เป็นสิ่งที่สะดวกสบายที่สุดในยุคนี้ เพราะทุกบ้านทุกครัวเรือนในบ้านเรานั้นต่างก็มียานพาหนะหลายรูปแบบไว้ใช้เพื่อความสะดวกในชีวิตประจำวัน ถนนก็เป็นสิ่งคู่กันกับยานพาหนะ ในประเทศไทยเราเองมีถนนหลายเส้นที่หน้าเดินทางสัญจร ทั้งเพื่อผ่านชมทัศนียภาพ และแวะพักรถภายหลังจากเดินทางเป็นระยะทางไกล ๆ หากใครหลายคนเป็นคนหนึ่งที่คุ้นชินกับการไปทำงานแต่เช้า รถติดยาวต่อการหายชั่วโมง จนรู้สึกเบื่อกับกลิ่นควันจากท่อไอเสียรถ รถเมล์โดยสาร แดดร้อน และเด็กขายพวงมาลัย หากเหตุผลต่าง ๆ ทำให้รู้สึกว่าร่ายกายต้องการขี่รถออกไปที่ที่สามารถพักผ่อนได้ ขอแนะนำถนนเลียบชายทะเลจังหวัดชลบุรี

ด้วยความยาวของระยะทางกว่า 1.5 กิโลเมตร จากตัวเมืองจังหวัดชลบุรีถึงเส้นอ่างศิลา ซึ่งรับรองได้ว่าคุณจะไม่รู้สึกอึดอัดกับการขับขี่ใด ๆ ตลอดเส้นทาง คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลที่ทอดตัวยาวจนถึงบางแสน นอกจากนี้ตลอดการเดินทางคุณสามารถแวะเที่ยวชมตลาดชาวประมง ณ ท่าเรือพลี จะมีชาวประมงออกมาขายสินค้าชาวบ้านทุกวันเสาร์ ตั้งแต่ 16:00 น. ถึง 22:00 น. และแวะซื้อของฝากจากชาวบ้านได้ หรือจะจอดรถชมพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างผ่อนคลายสุด ๆ และยังมีจุดถ่ายรูปกับงานประติมากรรมต่าง ๆ ได้เป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ต้นทางที่ถนนสุขุมวิทจากตัวกรุงเทพ และสามารถขับต่อไปยังอ่างศิลา เลื่อยไปจนถึงชายหาดบางแสน โดยตลอด 2  ข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านกาแฟ และร้านอาหารอร่อยหลายร้าน ให้ผ่อนคลายกับบรรยากาศริมทะเล ซึ่งหากผ่านอ่างศิลาของให้แวะเดินเลือกซื้ออาหารทะเลสด และของฝากได้ที่ตลาดใหม่อ่างศิลา โดยเมื่อซื้ออาหารทะเลสดแล้วทางร้านยังมีบริการ นึ่ง ต้ม ย่าง พร้อมฟรีน้ำจิ้มแซบ สะใจ ให้หิ้วไปกินต่อถึงชายหาดบางแสนได้ไม่ไกล หรือจะวินเทจริมทางแสนบางแสนก็มีจุดให้นั่งอิ่มอร่อยได้หลายสไตล์

ชลบุรีเป็นจังหวัดที่อยู่ห่างจากกรุงเทพราว 80 กิโลเมตร หากต้องการหลีกหนีความวุ่นวายให้ตัวเมืองใหญ่ ขับรถรับลมเย็น ๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ ดูพระอาทิตย์ตก เต็มอิ่มกับอาหารอร่อย ชลบุรีก็เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่ยังรอให้ได้ไปเยือน ชาร์ตพลังงานเต็มที่ แล้วก็ขับรถกลับได้ไม่ไกลมาก ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวนั้นก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ ซึ่งอันที่จริงการมาท่องเที่ยวชลบุรีนั้นไม่ได้ใช้งบประมาณมากเกินไปอย่างที่คิด และยิ่งช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ถนนเส้นดังกล่าวยังสามารถขับเลื่อยมาจนถึงถนนคนเดินได้

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นการท่องเที่ยวพักผ่อนแบบใช้เวลาในการเดินทางไม่มาก แต่ได้คุณภาพของการผ่อนคลาย และยังมีจุดท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้กล่าวอีกมากตลอดเส้นทางเรียบชายทะเลจังหวัดชลบุรี

 

ทะเลหลวง แก้มลิง แหล่งท่องเที่ยว เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจชาวสุโขทัย

                หากจะนึกถึงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสุโขทัย คงจะหนีไม่พ้นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อย่างอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์เมืองศรีสัชนาลัยนาลัย ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศ ที่ชื้นชอบการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ทั้งนี้เนื่องจากสุโขทัยเป็นราชธานีที่มีความเก่าแก่กว่า 700 ปี ชาวสุโขทัยมีจิตศรัทธาทางศาสนามีตั้งแต่สมัยโบราญ และมีการอนุรักษ์ประเพณีทางศาสนาไว้หลายประเพณี อย่างเช่น ประเพณีลอยโคม เผาเทียน เล่นไฟ จึงถือว่าเป็นอีกจังหวัดที่มีความน่าท่องเที่ยวในภาคเหนือตอนล่าง และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แต่อย่างไรก็ดีสุโขทัยยังเป็นอีกจังหวัดที่มีพื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม เมื่อถึงฤดูน้ำหลากน้ำจากแม่น้ำยมจะท่วมในหลายอำเภอของจังหวัด และเมื่อถึงคราวฤดูแล้ง น้ำก็จะไม่มีสำหรับการทำกสิกรรม เกิดความเดือดร้อนกับชาวบ้านในหลายพื้นที่ของจังหวัด ทำให้มีการจัดการบริหารจัดการน้ำโดยการทำแก้มลิง

จากแนวคิดพระราชดำริการสร้างพื้นที่รับน้ำในยามน้ำมาก และกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามเกิดภัยแล้ง ทำให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เริ่มโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดสุโขทัย และสร้างแก้มลิง ทุ่งทะเลหลวงขึ้นตั้งแต่ปี 2545 และด้วยเหตุนี้ชาวบ้านกว่า 843 หมู่บ้านจึงร่วมกันพัฒนาแหล่งเก็บน้ำดังกล่าว ให้เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของคนภายในจังหวัดสุโขทัย โดยสร้างเป็นเนินรูปใบโพธิ์กลางทุ่งทะเลหลวง และประดิษฐถาน พระพุทธรัตนสิริสุโขทัย ณ มณฑปจตุรมุข เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบ้าน และยังเป็นที่ทำกิจกรรมทางศาสนาในงานบุญประเพณีต่าง ๆ ทั้งยังช่วยสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ทำให้คนในจังหวัดเกิดการสร้างรายได้ ได้ขายงานศิลปะที่มีชื่อเสียงอย่าง เครื่องสังคโลก หรืองานเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของจังหวัดทำสังคมให้มีความเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากการน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวราชการที่ 9 เรื่องการจัดการปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วม ฝนแล้ง และการร่วมแรงร่วมใจสร้างเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจทางศาสนาให้กับชาวสุโขทัย ทุ่งทะเลหลวงยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกสถานหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย และมีผู้มาชื้นชมธรรมชาติที่เกิดจากฝีมือมนุษย์มากมายไม่ใช่แค่ช่วงเทศกาล สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักในการถ่ายภาพแนว Bird eye (ภาพมุมสูง) ไม่ว่าจะถ่ายด้วยกล่องธรรมดาจากเครื่องบิน หรือการใช้เทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างโดรนบินเหนือบริเวณทุ่งทะเลหลวงจะทำให้เห็นรูปหัวใจกลางเกาะ และในแต่ละช่วงเวลายังให้อารมณ์ของภาพที่แตกต่างกันออกไปเป็นอีกกิจกรรมการผ่อนคลายที่สามารถทำได้ทุกเมื่อที่ไปเที่ยวชม ไม่จำกัดแค่ช่วงเทศกาล เหนือสิ่งอื่นใดความประทับใจของการมาเยือนไม่ใช่เพียงความสวยงามของสถานที่ หากแต่เป็นวัฒนธรรม การถ่ายทอดวิถีการใช้ชีวิตของคนมนชุมชนที่มีความเป็นมิตรซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการท่องเที่ยวภายในประเทศไทย

 

นครสวรรค์ เมืองอาหารอร่อย พระเกจิเลื่องชื่อ ผู้คนใจดี คลาคล่ำวิถีจีน

นครสวรรค์ปากน้ำโพเมืองของนักชิม ชอบเดินเล่น รักธรรมชาติ และชอบเข้าวัด อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 240 กิโลเมตร ไม่ใกล้ไม่ไกล ความคลาสสิคอยู่ที่การข้ามสะพานเดชาติวงศ์แล้วก็จะถึงอำเภอเมือง และสะพานเดชาฯ ถือเป็นประตูสู่ภาคเหนือ เมื่อมองลงไปจากสะพานเดชาฯ จะเห็นสีแดงของแม่น้ำน่านและสีเขียวของแม่น้ำปิงไหลลู่ไปด้วยกันอย่างงดงาม เมื่อเข้ามาในตัวเมืองนครสวรรค์ ถ้าถึงช่วงกลางวัน ควรไปรับประทานมื้อเที่ยงที่ร้านนายตี๋ลูกชิ้นปลากราย 3 รส รับประกันความอร่อย แบบจำรสชาติได้ไม่ลืม เมนูที่พลาดไม่ได้ คือ ลูกชิ้นปลากรายและปอเปี๊ยะกุ้ง ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ทำได้อร่อยเป็นเอกลักษณ์ของร้าน อีกทั้งก๋วยเตี๋ยวก็อร่อยเช่นกัน หรือถ้าในเวลากลางคืน แนะนำไปร้านข้าวต้มนายเจือ เป็นร้านเก่าแก่อยู่คู่กับเมืองนครสวรรค์มานาน เข้าไปสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความขลัง และร้านนี้เป็นร้านที่ไม่มีประตู ปิดร้านเปิดร้านก็ไม่ต้องปิดประตู เปิดเผยตลอด และเรื่องอาหารก็ถือว่าสุดยอดทั้งความเร็วและความอร่อย พ่อครัวมีความเก๋าเกมส์มาก ปรุงอาหารทุกเมนูรสชาติอร่อยเด็ดขาด หรือจะร้านอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง ก็อร่อยแทบทุกร้านเพราะนครสวรรค์เป็นแหล่งรวมของอร่อย อาจจะมีการแชร์เคล็ดลับ หรือวิธีการกันก็เป็นได้ เพราะแทบทุกร้านคุณภาพดีจริง ๆ

นอกจากเรื่องอาหารแล้ว นครสวรรค์ยังเป็นเมืองเก่าที่เด่นด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม ด้านธรรมชาติก็ต้องกล่าวถึงบึงบอระเพ็ดเป็นอันดับแรก เพราะถือว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่กว้างใหญ่มากที่สุด กินพื้นที่ 3 อำเภอ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของไทยอีกด้วย ในด้านความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ สามารถชมได้ที่ทุ่งหินเทิน ซึ่งเป็นหินวางทับกันหมิ่นเหม่จะร่วงแต่ก็อยู่ในสภาพนั้นมานานแสนนานโดยฝีมือของธรรมชาติ และเมืองแห่งนี้ก็มีถ้ำเยอะ เช่น ถ้ำสวยงาม 70 กว่าถ้ำ ในอุทยานถ้ำเพชรถ้ำทอง บางถ้ำก็มีหินตามผนังสีสันแตกต่างกันไป สีเขียวมรกตบ้าง  สีแดงบ้าง สะท้อนแสงบ้าง และก็ยังมีถ้ำอีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งเป็นหลักฐานว่าปากน้ำโพเป็นชุมชนตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จริง คือ เมืองโบราณจันเสน เพราะจากหลักฐานพบว่าโบราณสถานแห่งนี้มีอายุตั้งแต่สมัยทวารวดี อีกทั้งวัตถุโบราณมากมายได้ถูกค้นพบและจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ทางด้านการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าที่อื่น เพราะกว่าจะเดินทางถึงแก่งแม่เรวา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่วงศ์ นักท่องเที่ยวก็ต้องเดิน หรือนั่งรถอีแต๊กเข้าไปเป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร และน้ำตกแม่เรวานี้ก็มีจุดตื่นเต้นที่คดเคี้ยววกวนหลายจุด ใช้เวลากว่าจะล่องแก่งถึงปลายทางก็ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง สะใจนักผจญภัยเลยทีเดียว

อีกเรื่องที่ขึ้นชื่อของนครสวรรค์ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมตำนานพระเกจิแนวหน้าของประเทศไทย ตำนานความขลังที่ถูกจารึกไว้ในคนชอบของขลังก็มาจากสถานที่แห่งนี้หลายเรื่องราว หนึ่งในนั้น คือ มีดบินหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ ยกตัวอย่างเช่น จอมพล ป. พิบูลสงคราม พกมีดวัดหนองโพไว้กับตัวท่านเอง เมื่อมีคนร้ายลอบเข้ามายิงท่านในบ้าน ปืนกลับยิงไม่ออกเพราะความขลังมีดหลวงพ่อเดิม เป็นต้น หากใครสนใจเรื่องมีดอาคม ก็สามารถไปทัศนศึกษาได้ที่วัดเขาแก้ว อำเภอพยุหคีรีได้เช่นกัน เพราะหลวงพ่อเดิมท่านสืบทอดวิชามาจากวัดเขาแก้ว นอกจากนี้ พระระดับตำนาน เช่น หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาค หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร และท่านอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ท่านเหล่านี้หากจะดูที่ความนิยมพระเครื่องที่ท่านได้สร้างไว้ในอดีต ปัจจุบันมีราคาหลักหมื่นหลักแสนกันหมดแล้ว เป็นที่เลื่องชื่อระบือนาม เสน่ห์ของจังหวัดนครสวรรค์ ที่พร้อมทุกด้าน ดึงดูดทุกคน ให้มาสัมผัสนครสวรรค์ด้วยตนเอง

 

อิสตันบูลเมืองหลวงตุรกี เมือง 2 ทวีป ผสมวัฒนธรรมอิสลาม-คริสต์

                 เมื่อเครื่องโบอิ้งจากสุวรรณภูมิ ลงจอดที่สนามบินอตาเติร์ก หัวใจนักท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยเยือนตุรกีก็พองโตกันทุกคน สีหน้าดูจะตื่นเต้นและเมื่อยล้าจากการต้องนั่งอยู่กับที่ประมาณ 8 ชั่วโมง เดินทางผ่านทั้งพม่า อ่าวเบงกอล ปากีสถาน บินเฉียดอัฟกานิสถานหน่อย ๆ และบินผ่านอิหร่าน รวม 4 ประเทศ ระยะทาง 6,820 กิโลเมตร ความรู้สึกเมื่อเข้ามาในสนามบินและนั่งรถผ่านตัวเมือง เหมือนกับที่เคยเห็นในหนัง เพียงแต่ภาพตรงหน้าเป็นของจริง ยิ่งกว่า 3D ภาษาที่สื่อสารก็ใช้ภาษาอังกฤษ เพียงแต่บางคนพูดชัดบ้าง พูดอังกฤษสำเนียงตุรกีบ้าง และพูดได้แต่ภาษาตุรกีอย่างเดียวก็เยอะ เพียงแต่ใช้ภาษามือสื่อสารก็พอที่จะเข้าใจกันได้ และถึงแม้ค่าเงินในยุโรปจะเป็นยูโร แต่ผู้ให้บริการในอิสตันบูลกลับยินดีรับเงินลีราตุรกีมากกว่า (เรียกสั้น ๆ ว่าลีรา) ในอิสตันบูล อากาศที่เมืองหลวงแห่งนี้มักจะมีลมแรง หน้าร้อนจะอยู่ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน อุณหภูมิส่วนมากอยู่ที่ 19-28 องศาเซลเซียส ช่วงร้อนมากที่สุดอยู่ที่จะเกิน 30 องศาเซลเซียส จนถึงร้อนพอ ๆ กับประเทศไทย เพียงแต่อากาศแห้งจึงไม่รู้สึกเหนียวตัว ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มปลายกันยายนถึงต้นธันวาคม อุณหภูมิอยู่ที่ 9-19 องศาเซลเซียส โดยในเดินพฤศจิกายน อุณหภูมิจะเริ่มลดลงเป็นสัญญาณของฤดูหนาว ซึ่งจะอยู่ตั้งแต่ธันวาคมถึงมีนาคมที่ 6-9 องศาเซลเซียส และสุดท้ายคือฤดูใบไม้ผลิในช่วงปลายมีนาคมถึงพฤษภาคม มีอุณหภูมิ 12-20 องศาเซลเซียส

สภาพภูมิประเทศของอิสตันบูลจะเป็นเนินสลับที่ราบ จึงเห็นตึกต่าง ๆ มากมายตั้งอยู่บนเนินหรือทางชัน รถที่สัญจรก็จอดบนเนินหน้าประตูทางเข้าอาคารกันเต็มไปหมด บรรยากาศร้านรวงก็ดูเก่าแก่ ห้องครัวของร้านอาหารอยู่ที่ห้องใต้ดินก็มี และที่พลาดไม่ได้สำหรับนักชิม คือ มีทบอล (köfte) ในย่านสุลต่านอาเหม็ด และโยเกิร์ต (Ayran) ที่คนท้องถิ่นนิยมกันมาก ทางด้านเครื่องดื่มที่เห็นคนตุรกีดื่มกันตลอดทั้งวัน คือ ชา (Çay) ที่ถ้าหากเดินไปในละแวกร้านค้าชุมชนจะพบโต๊ะหน้าร้านและมีนักดื่มชานั่งอยู่ทั่วไป และของฝากที่ขึ้นชื่อเหลือเกินของตุรกี คือ กาแฟ (Türk Kahvesi) หรือถ้าจะเรียกเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Turkish Coffee นั่นเอง

สถานที่ท่องเที่ยวในอิสตันบูลที่พลาดไม่ได้มีหลายแห่ง เช่น อายาโซเฟีย (Ayasofya หรือ Hagia Sophia) ซึ่งมียอดโดมอันตระการตาอายุมากกว่า 1,500 ปี สถานที่แห่งนี้เป็นทั้งโบสถ์และมัสยิด โดยเป็นโบสถ์นิกายออร์ทอดอกซ์ใน 1,000 ปีแรก และ 500 ปีหลังก็ถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิดโดยมุฮัมหมัด อีลฟาติห์ ในปี ค.ศ. 1453 และกลายเป็นพิพิธภัณฑ์อยู่ช่วงหนึ่ง แต่ปัจจุบันก็ได้เป็นมัสยิดโดยสมบูรณ์ สถานที่ที่ 2 ที่ต้องไปคือ สุเหร่าสีฟ้า (Blue Mosque) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1609 ถึง 1616 ซึ่งสีฟ้ามาจากสีกระเบื้องบนกำแพงด้านใน ที่มีลวดลายสีฟ้าของดอกไม้นานาชนิด แต่ก็มีลักษณะคล้ายอายาโซเฟีย เพราะผู้สร้างต้องการสร้างสุเหร่าที่อลังการมากยิ่งกว่าอายาโซเฟียที่สร้างเพื่อเป็นโบสถ์คริสต์ ก่อนที่จะเข้าไปในสุเหร่าสีฟ้า นักท่องเที่ยวต้องถอดรองเท้าออกก่อน

การเดินทางในอิสตันบูลนอกจากจะมีรถบนทางถนนแล้ว ยังมีรถรางวิ่งในเมืองอีกด้วย (Tram) ในการเดินเล่นชมเมือง เริ่มตั้งแต่จัตุรัสตักซิม (Taksim Square) ซึ่งมีตลาดกลางคืนซึ่งเป็นย่านร้านค้าหลักของอิสตันบูล ที่มีร้านอาหาร บาร์ และเป็นแหล่งชอปปิ้งแบรนด์เนม คนไทยไปเที่ยวตุรกีอาจแปลกใจสักหน่อย เพราะช่วง 3 ทุ่มจะเพิ่งเริ่มค่ำเท่านั้น มนต์เสน่ห์ของสถานที่แห่งนี้มีทั้งผู้คน วัฒนธรรม ทัศนียภาพ และอาหาร ไปเพียง 5 วันอาจซึมซับอิสตันบูลได้ไม่หมด แต่ลองไปสักครั้งจะรู้สึกเหมือนไปดาวอีกดวงหนึ่ง

 

เที่ยวกรุงเทพมหานคร เมืองอุดมความศิวิไลซ์ ไฉไลความเก่าแก่

                                ถ้านึกถึงกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดก็คือ ดงตึกสูงที่เรียงรายแข่งกัน ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง การจราจรที่แออัด ผู้คนขวักไขว่แย่งกันทั้งอาหาร ที่นั่งบนรถสาธารณะ และอากาศสำหรับหายใจ รวมถึงการแต่งกายแฟชั่นของบรรดาวัยรุ่น วัยทำงานที่เดินโฉบเฉี่ยวอวดสายตากัน แล้วพอมานึกถึงว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในกรุงเทพฯ พวกห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่าง ๆ ก็แย่งกันแสดงตัวในจินตนาการ มีทั้งของขายของกินอยู่บนห้าง ชนิดที่เรียกว่ารวมกันเอาไว้อยู่ที่เดียว แต่คิดดูดี ๆ กรุงเทพฯ อายุเมืองตั้ง 200 กว่าปี ดังนั้นของเก่าก็มีอยู่เยอะ แต่การนำเสนอต่าง ๆ รวมถึงความนิยมไปกระจุกอยู่ที่สิ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่ต่างหาก ถ้าพูดกันจริง ๆ กรุงเทพฯ นี่แหละที่เป็นเมืองเก่าอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ที่ถึงแม้บางจังหวัดจะมีโบราณสถานอายุหลายร้อยปี แต่ถ้าประวัติการตั้งเมือง ทั้งอายุและขนาดของเมืองหลวงประเทศไทย ดูจะนำหน้าเมืองอื่นอยู่มาก

ทั้งคนต่างจังหวัดที่เข้ามาในกรุงเทพมหานครระยะสั้น ๆ หรือคนที่อยู่ในกรุงเทพอยู่แล้ว จะนิยมเลือกไปสถานที่ที่เป็นสมัยใหม่มากกว่า แต่ชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศ เขาจะไปชมความเก่าแก่ เช่น วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ วัดอรุณราชวราราม เป็นต้น เพื่อซึมซับบรรยากาศความเป็นไทย ตัวอย่างที่ยกมาเป็นตัวเลือกยอดนิยมของทั้งฝรั่ง และคนไทยจำนวนมาก แต่ก็เป็นเพียงตัวเลือกที่ถือว่าจำกัด อีกทั้งยังซ้ำกันอีกด้วย ถ้าจะแนะนำฝรั่งให้ไปสถานที่แปลกแตกต่างจากนี้บ้าง ควรแนะนำอย่างเช่น วัดหงส์รัตนาราม ซึ่งเป็นวัดสร้างตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช ภายในอุโบสถงดงามอลังการอย่างยิ่ง มีพระพุทธรูปสำคัญ คือ หลวงพ่อแสน พระพุทธรูปสีดำศิลปะเชียงแสนที่ถูกอาราธนามาประดิษฐานในสยามพร้อมกันกับพระแก้วมรกต และหลวงพ่อทองคำ ที่ประดิษฐานในวิหารหลังอุโบสถ ทั้งยังมีสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงพ่อรอด (เสือ) เกจิในสมัยอยุธยาได้ลงอาคมไว้ในแผ่นหินใต้สระ และสมเด็จพระสังฆราชสุก (ไก่เถื่อน, พระอาจารย์ของสมเด็จโต พรหมรังสี) เคยเป็นเจ้าอาวาสในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นอีกด้วย

และควรไปเที่ยวย่านเมืองเก่าอย่างเช่น ย่านเสาชิงช้า ที่แค่เห็นเสาชิงช้าตั้งตระห่านก็รู้สึกถึงความขลังและคลาสสิคแล้ว และที่เสาชิงช้านี้เองก็แยกได้เป็นทาง 3 แพร่ง ซึ่งแต่ละแพร่งก็มีชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ร้านอาหารอร่อยมีเยอะ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลจีนเก่าและศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และสามารถเดินต่อไปถึงย่านเยาวราชแหล่งรวมวัฒนธรรมจีน ซึ่งเป็นศูนย์รวมสินค้า อาหาร เมืองเก่า เช่น วัดเล่งเน่ยยี่ วัดยอดนิยมของคนไทยเชื้อสายจีน แต่นักท่องเที่ยวควรไปวัดจีนแห่งแรกในไทย ที่คนรู้จักไม่มากนัก นั่นคือ วัดบำเพ็ญจีนพระ (ย่งฮกยี่) แม้จะเป็นวัดเล็กในซอยแคบ แต่ถือเป็นวัดสำคัญในประวัติศาสตร์ และมีเสน่ห์ขลังจากอายุที่อยู่มายาวนาน

ย่านเก่าแก่ในกรุงเทพมหานครนั้นมีอยู่หลายแห่ง ทั้งตลาดพลู ที่มีทางรถไฟประกอบกับอาคารเก่า และร้านอร่อย ให้ได้เดินกันเพลิน ๆ สัมผัสบรรยากาศไทย ๆ หรือไม่ก็ไปนั่งเล่นที่ตลาดชุมชนริมน้ำหัวตะเข้ ซึมซับความคลาสสิคของชุมชนไทยในช่วงยุคร้อยปีหลัง รวมถึงชุมชนกุฎีจีน ย่านพหุวัฒนธรรมเก่าแก่ ที่มีทั้งวัดกัลยาณมิตร ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ใกล้กันนั้นก็มีศาลเจ้าเกียนอันเกงของชาวฮกเกี้ยนในสมัยโบราณ มีพระแม่กวนอิม ซึ่งอัญเชิญมาจากประเทศจีนในสมัยนั้นประดิษฐานเป็นองค์ประธาน และท้ายสุดที่มีชื่อเสียงอย่างมาก คือ โบสถ์ซางตาครู้ส สร้างในปี พ.ศ. 2313 เป็นต้น

ที่เที่ยวในกรุงเทพฯ มีเยอะมาก มีครบทุกอย่าง ที่กล่าวถึงข้างต้นก็กล่าวเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่รวมสถานที่ที่น่าไปอีก เช่น วัดมหาบุศย์ ไปไหว้ย่านาคพระโขนง หรือไปวัดภาษี ไปดูศาลบุญเพ็ง (หีบเหล็ก) อาชญากรในตำนานของไทย และอื่น ๆ อีกมากมายที่คนไม่ต้องแห่ไปรวมตัวกันอยู่แค่สถานที่ยอดนิยม

 

เที่ยวแม่สอด: เมืองชายแดนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทุกรูปแบบ

                 แม่สอดเป็นอำเภอที่มีชื่อเสียง อาจเพราะว่าชื่อไพเราะ ชื่อจำง่าย คนเลยเรียกติดปาก “แม่สอด แม่สาย แม่สะเรียง ฯลฯ” แม้หลายคนไม่เคยไป แต่น่าจะทุกคนในประเทศไทยที่รู้จักชื่ออำเภอนี้ ซึ่งมีเพียงแค่ทางเข้าอำเภอเท่านั้นที่เป็นอุปสรรค ที่จริงแล้วถนนก็ราบเรียบดี การจราจรไม่พลุกพล่านมาก แต่มีเนินขึ้นลงเยอะ ตามภูมิประเทศภูเขาสูง จึงอาจเป็นเหตุให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ระหว่างทางมีอุทยานแห่งชาติถึง 2 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติลานสาง และอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช และก็ควรแวะตลาดมูเซอที่ขายกล้วยไม้ ของป่า กาแฟและอาหาร หากเวลามากพอ ซอยตรงข้ามตลาดมูเซอเป็นทางไปวัดถ้ำจุนโท ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นวัดมีถ้ำและสภาพพื้นที่ในวัดสวยงาม เป็นวัดที่หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท พระธุดงค์ชื่อดัง เคยมาจำพรรษาอยู่ ทั้งนี้ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางถึงกิโลเมตรที่ 68 ซึ่งเป็น “เนินพิศวง รถจอดนิ่งแต่ไหลขึ้นเนิน” ถ้าไม่มีรถคันอื่นวิ่ง อาจทดลองความพิศวงได้และก่อนเข้าอำเภอแม่สอด ก็มีศาลเจ้าพ่อพะวอ ซึ่งมีธรรมชาติร่มรื่น คนสัญจรนิยมแวะกราบขอพร และพักผ่อนหย่อนใจ

เมื่อเข้ามาในอำเภอแม่สอดที่เป็นพื้นที่ติดกับประเทศพม่า เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม เพราะเมื่อเข้าไปในพื้นที่แล้วจะพบคนพม่าได้ทั่วไป และมีคนจีนที่พูดได้แต่ภาษาจีน มาอาศัยอยู่บ้างประปราย สภาพตัวอำเภอถือว่ามีความเจริญพอสมควร มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ในเกณฑ์ดี ถนนลาดยางทั่วถึง มีธรรมชาติภูเขา น้ำตก แม่น้ำ ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ร้านอาหารอร่อย มีครบหมดทุกอย่าง แถมมีบ่อน้ำพุร้อนด้วย พลาดไม่ได้คือตลาดอัญมณี ของที่ระลึกยอดฮิตจากแหล่งสินค้านี้ก็คือ “หยกพม่า” และอย่าเพิ่งมองว่าอำเภอแม่สอดเป็นเมืองภูเขา แล้วจะขาดแคลนอาหารทะเล เพราะที่แม่สอด มีตลาดอาหารทะเลนำเข้าจากประเทศพม่า ใหม่สดแน่นอน และร้านอาหารจีนคุณภาพหลายร้าน เลือกร้านไหนก็ได้ อร่อยทุกร้าน นอกจากนี้วัดในแม่สอดก็สวยงามเป็นวัดในเชิงศิลปะพม่า หรือที่วัดมณีไพรสณฑ์ก็เป็นการผสานศิลป์ทั้งไทย พม่า และมอญไว้ด้วยกัน ถ้าต้องการวัดที่เน้นธรรมชาติ สถานที่เก่าแก่ ก็ลองแวะ พระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่ มีหินที่ตั้งริมสุดขอบหน้าผา คนท้องถิ่นเรียกว่า “เจดีย์หินพระอินทร์แขวน” ตั้งแบบคล้ายจะร่วงลงไปข้างล่างอยู่อย่างนั้นมาเนิ่นนาน พร้อมทั้งมีพระเจดีย์สีทองตั้งอยู่บนหิน นอกจากนี้ในวัดก็มีเรือโบราณอายุ 200 ปี ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย โดยทุกเดือนกุมภาพันธ์จะมีงานนมัสการพระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่ เป็นประจำทุกปี

ทรัพยากรการท่องเที่ยวเมืองแม่สอดมีเยอะมาก แทบจะเล่าไม่หมด ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม หรือสถานที่ท่องเที่ยวมนุษย์สร้าง เช่น ถ้าเที่ยวตลาดริมเมย ก็ข้ามไปเล่นคาสิโนที่ฝั่งพม่าได้สบาย เพราะคาสิโนอยู่ติดริมแม่น้ำเมยเช่นกัน นั่งเรือข้ามก็ถึง หรือช่วงน้ำลงจะเดินข้ามก็ยังได้ โดยรวมแล้ว แม่สอดเป็นเมืองที่เหมาะกับการพักผ่อนตากอากาศ ความเจริญเข้าถึง วิถีชีวิตดั้งเดิมไม่สูญหาย ธรรมชาติสมบูรณ์ ท่านใดเหนื่อยล้า ขอจงไปที่แม่สอด แล้วจะไม่ผิดหวัง

 

การเที่ยววัดเพื่อความบันเทิง ตามหาของขลัง ปฏิบัติธรรม นมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์

                 การท่องเที่ยว คือ การที่บุคคลเดินทางออกจากบ้านไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านที่ออกมา เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อความบันเทิง ไม่ใช่การย้ายถิ่น เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ก็กลับไปยังบ้านของแต่ละบุคคล ประเภทของจุดหมายปลายทางอาจต่างกัน ไม่ว่าจะไปทำงานด้วยเที่ยวไปด้วย หรือเที่ยวล้วน ๆ ก็คือการท่องเที่ยวทั้งนั้น การเข้าวัดก็เช่นกัน หลายคนเข้าวัด มุ่งทำบุญ ฟังธรรม ไหว้พระ 9 วัด รดน้ำมนต์ รักษาศีล แต่ที่จริงแล้ว ในวัดก็มีความบันเทิงให้ตามหาได้ นั่นคือ ของที่ระลึกจากพระสงฆ์ที่แต่ละบุคคลนับถือ เช่น พระเครื่อง พระบูชา ตะกรุด ผ้ายันต์ ของขลังต่าง ๆ ที่เป็นวัตถุมงคล เป็นเครื่องระลึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ และบางครั้งยังมีปาฏิหาริย์ให้ได้ตื่นตาตื่นใจ ลงหน้าหนังสือพิมพ์อีกด้วย

การเข้าวัดตามหาความศักดิ์สิทธิ์ ที่ไหนดี ที่ไหนดัง ที่ไหนขลัง ต้องไป เป็นการท่องเที่ยวทางความเชื่ออย่างหนึ่ง เห็นได้บ่อย ๆ ก็กลุ่มคนเล่นหวย เขาลือว่าที่ไหนให้หวยแม่นก็แห่กันไป เพื่อความร่ำรวยที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น แต่ถ้าขยายออกมาอีก ก็พบว่าการท่องเที่ยวประเภทนี้ เป็นการท่องเที่ยวเชิงศรัทธา เพราะอาศัยศรัทธาเป็นตัวนำ เช่น การไปนมัสการขอพรพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต การกราบนมัสการพระเกจิอาจารย์และขอรดน้ำมนต์ ขอเมตตาท่านลงหรือเป่ากระหม่อม บางสำนักก็มีสักยันต์เพื่อรับรองการเป็นศิษย์ หรือทางสายกรรมฐาน ก็เป็นการไปปฏิบัติธรรมภายใต้การดูแลของครูบาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ดังในปัจจุบัน ที่สำนักปฏิบัติธรรมได้เกิดขึ้นมากจนพบเห็นได้ทั่วไป และจำนวนผู้เข้าปฏิบัติธรรมมีจำนวนมหาศาล  ใครชอบที่ไหน ศรัทธาพระสงฆ์รูปใด ชอบวิธีแนวทางการปฏิบัติแบบไหน มีให้เลือกหมดทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สถานที่ตั้งอยู่ในเมือง หรืออยู่แบบสมถะตามป่าเขา ที่สงบวิเวก มีให้เลือกตามจริตนิสัยที่หลากหลาย

เมืองไทยเป็นเมืองที่เน้นความเชื่อ อาศัยศรัทธาเป็นที่ตั้งอันดับต้น ๆ ของโลก (เป็นรองอินเดีย) หรือนับเฉพาะตลาดเครื่องรางของขลัง จะนับเป็นเบอร์หนึ่งของโลกเลยก็ได้ ชาวต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ นิยมมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านเรา และต้องเช่าบูชาของขลังไทยกลับไป หลายรุ่นหลายองค์ก็ราคาหลักแสน หลักล้าน แต่ถ้าไม่ต้องเช่าเชิงพานิชย์ล่ะ? ความคลาสสิคก็อยู่ที่การไปตามหาของขลังด้วยตนเอง เหมือนเซียนพระสมัยก่อนเขารับวัตถุมงคลจากครูบาอาจารย์ ชนิดที่เรียกว่า “รับกับมือ” มาสะสมไว้แล้วให้เช่าจนร่ำรวย ซึ่งคนทั่วไปก็ทำได้เช่นกัน เพราะสมัยนี้ก็มีพระสงฆ์หลายองค์ที่น่านับถือ เพียงแต่การประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึงเท่านั้นเอง การไปกราบไหว้พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้น เป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะผู้ประพฤติปฏิบัติจนบรรลุธรรมแล้วเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ ผู้นอบน้อมก็มีมงคลเกิดขึ้นกับตนเอง

ถ้าแนะนำพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ควรไปเที่ยวกราบนมัสการ ก็ยกตัวอย่างเช่น หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต จังหวัดชัยภูมิ เพราะประชาชนชาวชัยภูมินับถือท่านมาก เป็นพระสงฆ์คู่บ้านคู่เมืองชัยภูมิในตอนนี้ หรือพระเกจิอายุไม่มาก ก็มีพระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ ซึ่งหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ให้การรับรองว่ายามท่านไม่อยู่แล้ว ให้ไปหาพระอาจารย์สุริยันต์ ซึ่งเป็นศิษย์ท่านแทน หรือพระอาจารย์อุทัย อุทโย ที่โด่งดังในเรื่องมหาอุตม์หยุดกระสุนของภาคใต้ หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย จากอมตะวาจาของท่าน “ขลังไม่ขลังอยู่ที่จิต” กราบท่านแล้วจะอยู่ฝึกภาวนาที่วัด หลวงพ่อท่านก็ยินดี และอีกองค์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก คือ ท่านพระอาจารย์นก วัดเขาบังเหย ที่ยังไม่กล่าวถึงก็มีอีกมาก แต่ที่ไหนไปแล้วรู้สึกถึงความขลัง ความมีพลัง ที่นั่นแหละดี ตรงกับใจของเรา

 

ลาส เวกัส เมืองสำหรับนักพนัน นักสังสรรค์ และครอบครัวท่องเที่ยว

ทุกคนทั่วโลกรู้ว่าลาส เวกัส เป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ ที่เน้นความบันเทิงและบ่อนการพนันที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยลาส เวกัส เป็นชื่อในภาษาสเปน ถ้าแปลเป็นไทยจะชื่อว่า “ทุ่งหญ้า” (Meadows) ซึ่งอาณาบริเวณโดยรอบของเมืองนี้ เป็นทะเลทรายสลับภูเขาหินทรายทั้งหมด ดังนั้นจึงอนุมานได้ว่า ที่ชื่อลาส เวกัส ก็เพราะเป็นทุ่งที่ราบเรียบว่างเปล่า แต่มีพืชทะเลทรายปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ เมื่อปีคริสตศักราช 1829 ราฟาเอล ริเวร่า (Rafael Rivera) นับเป็นบุคคลแรกที่ไม่ใช่ชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน ที่ได้ค้นพบสถานที่แห่งนี้เป็นคนแรก ต่อมาในปี 1905 ก็ลาส เวกัส จึงตั้งเป็นเมืองขึ้นมา และตั้งแต่ปี 1931 รัฐเนวาด้าได้ส่งเสริมการพนัน และตั้งแต่นั้น ลาส เวกัส ก็กลายเป็นเมืองแห่งการพนันมาจนถึงปัจจุบัน

นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน เพราะลาส เวกัสเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ มีคนเดินพลุกพล่านตลอดเวลา จะบางตาเอาก็ช่วงตี 5 เพียงสักครู่เท่านั้นเอง ด้านระบบขนส่งก็ทำได้ดีมาก ทั้งรถประจำทาง รถแท็กซี่ รถรับส่งของโรงแรม หรือรถเช่า แม้แต่การแข่งขันชกมวยระดับโลกก็มักมาจัดที่โรงแรมเอ็มจีเอ็มแกรนด์ (MGM Grand) เป็นประจำ ร้านค้า ร้านอาหาร เปิด 24 ชม. ขณะเดินเที่ยวริมฟุตบาทก็สามารถถือขวดเครื่องดื่มในภาชนะที่ได้รับอนุญาตเดินไปด้วยได้ และทุก ๆ โรงแรมจะมีบริการคาสิโนที่ล็อบบี้ นั่นคือนักท่องเที่ยวพักผ่อนในห้องพัก ทานอาหาร และกดลิฟท์ลงไปข้างล่างก็สามารถเข้าสู่โลกของความบันเทิงได้ทันที โดยที่ล็อบบี้ของทุกโรงแรมจะมีคาสิโน เช่น โป๊คเกอร์ แบล็คแจ็ค รูเล็ต หรือตู้สล็อตแมชชีน ระหว่างเล่นก็มีพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มให้นักเล่นอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ต้องให้ทิปในราคาที่สมเหตุสมผลแก่พนักงาน (5-10 ดอลล่าห ถ้าให้น้อยพนักงานอาจไม่มาเสิร์ฟนักเล่นอีก) หนึ่งคืนมีนักเล่นประสบความสำเร็จชนะพนันหลักพันดอลล่าหก็มีหลายคน หรือจะนั่งเล่นสล็อตแมชชีนจิบเครื่องดื่มไปพลาง ๆ ก็ย่อมได้

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการพนัน เมืองแห่งโลกีย์ เมืองสำหรับผู้ที่ลุ่มหลงความบันเทิงอันไร้ขีดจำกัด แต่ที่จริงแล้ว ลาส เวกัส เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ทุกเพศ ทุกวัย เพราะมีความปลอดภัยสูงมาก นอกจากความบันเทิงจากเกมพนันแล้ว การเดินเล่นรอบดาวน์ทาวน์ก็เป็นสิ่งดึงดูดได้ เช่น ไปชมการแสดงน้ำพุระดับโลกที่หน้าโรงแรม Bellagio (ชมฟรี) หรือการเข้าไปสัมผัสบรรยากาศเวนิสที่โรงแรม Venetian อีกทั้งยังเป็นการเยี่ยมชมพิพิธพันธ์มีชื่อเสียงหลายแห่ง ทั้งพิพิธภัณฑ์เดอะม็อบ (The Mob Museum) ซึ่งเก็บรวมรวมตำนานแก๊งมาเฟีย เช่น อัล คาโปน, จอห์น ก็อตติ, บักซี ซีเกล ฯลฯ หรือชมพิพิธภัณฑ์รถยนต์นอสทัลเกีย สตรีท รอดส์ (Nostalgia Street Rods) และที่พลาดไม่ได้เลยคือการขึ้นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ (High Roller) เพื่อมองเห็นลาส เวกัสได้ทั้งเมือง หรือเห็นทัศนียภาพทะเลทรายได้เลยทีเดียว

นอกจากความบันเทิงแบบผู้ใหญ่ ลาส เวกัส ก็มีทั้งคอนเสิร์ตจากวงดนตรีระดับโลกจัดบ่อยมาก ทอล์คโชว์โดยนักพูดที่มีชื่อเสียงของอเมริกา สวนสัตว์ โรงหนัง ร้านอาหารราคาย่อมเยาที่มีวัตถุดิบแปลก ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง รวมถึงเอาท์เล็ทที่ถือว่าเป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์ดังขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ลองไปลาส เวกัส สักครั้ง จะประทับใจไม่มีวันลืม